วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Kintsugi : The-art-of-broken-pieces


กิจกรรมจิตศึกษา 
เรื่อง  Kintsugi : The-art-of-broken-pieces





ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1. ครูอาจจะให้นักเรียนจับคู่กันเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบใกล้ชิดมากขึ้น เรียนรู้การฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)
 2 .ครูเปิดเวบไซต์  เรื่องราวเกี่ยวกับงานศิลปะที่เรียกว่า  Kintsugi  (คุณครูอาจจะเปิดคลิปไปด้วยแล้วเล่าเรื่องราว ของงานศิลปะนี้ แต่คุณครูอย่าเพิ่งสรุปให้นักเรียนฟังนะคะ)





3. ครูพูดคุยกับนักเรียนต่อ หลังจาก คลิปจบ.... เราเห็นอะไรในคลิปนี้บ้าง เรารู้สึกและคิดอย่างไรกับคลิปนี้  เราคิดว่าเราจะนำแนวคิดของเรื่องนี้ไปใช้กับตัวเราได้อย่างไรบ้าง ให้นักเรียนเขียนบันทึก หลังจากนั้น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความรู้สึกกับเพื่อนของเรา เปลี่ยนกันเป็นผู้พูดและผู้ฟัง

เมื่อจบกิจกรรม ครู Empower นักเรียน โดยให้ดูคลิป

Lessons From a Broken Japanese Bowl - ปรัชญาจากชามญี่ปุ่น




หลังจากคลิปจบ ครูกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน


แหล่งข้อมูลให้คุณครูศึกษาเรื่องราว Kintsugi เพิ่มเติม :

https://magazine.orami.co.th/G3-lifestyle-travel-japan-culture-art-kintsugi/

http://www.thisiscolossal.com/2014/05/kintsugi-the-art-of-broken-pieces/






วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ฝึกหายใจ ยืดเหยียดร่างกาย

กิจกรรมจิตศึกษา
ฝึกหายใจ ที่ให้ประโยชน์ และ ยืดเหยียดร่างกาย


คุณครูอาจนำด้วย ท่าโยคะ พื้นฐาน หรือ...

สมาธิบำบัด SKT เกิดจากการคิดค้นของ รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ที่นำหลักประสาทวิทยาศาสตร์มาผสมผสานกับการปฏิบัติสมาธิ เกิดเป็นสมาธิเพื่อการบำบัดในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “สมาธิบำบัด SKT”

SKT ท่าที่ 1-2 เป็นท่าที่ทำได้ทันที ฝึกทั้งสมาธิและผ่อนคลายความตึงของ คอ บ่า ไหล่




https://www.facebook.com/mahidolchannel/?ref=page_internal

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

The Buddha And The Beggar

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง 
The Buddha And The Beggar



ขั้นนำ (5 นาที) :

1.นักเรียนและครูนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม อาจใช้ กิจกรรม นั่งสงบ มีสติ รับรู้ลมหายใจ-เข้า ออก ของตนเองประมาณ 2-3 นาที / หรืออาจจะใช้ กิจกรรม Brain Gym

2.ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับ...เรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง นักเรียนเคยได้ยินหรือได้ฟังมาก่อนหรือไม่ เรื่องเล่านี้ ชื่อเรื่อง The Buddha And The Beggar (เนื่องจากเรื่องเล่าเป็นภาษาอังกฤษ คุณครูอาจจะถอดบทความเป็นภาษาไทย เล่าให้นักเรียนได้ฟัง หรือ อาจจะเปิดเป็นคลิปก็ได้เนื่องจากมีแปลไทยเป็น Subtitle..... แต่อย่าเพิ่งเปิดในส่วนของสรุปข้อคิดให้นักเรียนได้ฟัง ให้หยุดคลิปและถามคำถามเพื่อให้นักเรียนได้คิดหาคำตอบเองก่อน)


3. นักเรียนเขียนบันทึก/แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  :  ฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไร  เราประทับใจตอนไหนของเรื่องนี้ เราได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง เราเคยมีประสบการณ์ที่เกิดผลคล้ายกับเรื่องนี้หรือไม่ เรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อนักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความคิดของตนเองครบทุกคน  ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความคิดและความรู้สึกของนักเรียน

ครูอาจจะฝากบทกลอนนี้ ให้นักเรียนในห้องได้อ่านพร้อมกัน ก่อนจบกิจกรรมจิตศึกษา


วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง 
"อุบะสุเทะ" ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง







ขั้นนำ (5 นาที) :

1.นักเรียนและครูนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม กิจกรรม นั่งสงบ มีสติ รับรู้ลมหายใจ-เข้า ออก ของตนเองประมาณ 2-3 นาที
2.ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับ...ตำนานของประเทศญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง อุบะสุเทะ  นักเรียนเคยได้ยินได้ฟังนิทานเรื่องนี้หรือไม่ เราจะให้ตัวแทนของเพื่อนเราเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟังกันค่ะ ในขณะที่เพื่อนของเราเล่า สมาชิกที่เหลือจะตั้งใจฟังจนจบค่ะ


ขั้นดำเนินกิจกรรม : (15 - 20) นาที :

1. เพื่อนคนหนึ่งในห้องเล่า ตำนานเรื่อง ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

2. ร้องเพลงร่วมกัน  หนึ่งเดียวคือแม่ 



3. นักเรียนเขียนบันทึก/แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  :  ฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไร  เราคิดว่า ถ้าเราเป็นลูกที่เกิดในสมัยนั้นเราจะทำอย่างไร    เราเคยแสดงพฤติกรรมไม่ดีกับแม่ของเราอย่างไรบ้างที่เรารู้สึกว่าท่านเสียใจ ทำไมตอนนั้นเราจึงตัดสินใจแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกไป     เราคิดว่า เรายังมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะแสดงออกกับแม่ของเรา  มีคำพูดบางคำที่เราอยากบอกท่าน แต่เรายังไม่ได้ทำ เรายังไม่ได้พูด หรือไม่    เราอยากทำอะไรให้แม่ของเราบ้าง เพราะเหตุใด

เมื่อนักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความคิดของตนเองครบทุกคน  ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความคิดและความรู้สึกของนักเรียน


------------------------------------------------------------


อุบะสุเทะ ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

       ในสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนาง มีเจ้าเมืองและซามูไรที่มีอำนาจลดหลั่นกันไป ประชาชนทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าเมืองแบบไม่มีเงื่อนไข
ช่วงที่ญี่ปุ่นถูกภัยแล้งคุกคามนานหลายปี เจ้าเมืองได้ออกกฏหมายขึ้นมาข้อหนึ่งว่า หากครอบครัวไหนมีพ่อแม่ที่อายุเกิน70ปี ลูกต้องนำพ่อแม่ไปทิ้งบนเขา มิฉะนั้นจะถูกประหาร เพราะถือว่าคนสูงวัยถึงเพียงนั้นเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นภาระ   ในทางตรงกันข้าม การตายเพื่อให้ลูกหลานได้อยู่ต่อนับเป็นการตายที่มีเกียรติสูงยิ่ง  ภูเขาสูงหลายแห่งจึงกลายเป็นหลุมฝังศพคนแก่ ขึ้นไปสองคน แต่กลับลงมาหนึ่ง ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้เรื่อยมา
     ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาเหล่านี้ว่า "อุบะสุเทะ" ("อุบะ" แปลว่า คนแก่ "สุเทะ" แปลว่า ทิ้ง)
   ...และแล้วก็ถึงวันที่แม่ของ"เขา"อายุครบ70ปี เช้าวันนั้นเขาจัดเตรียมข้าวเป็นเสบียง เตรียมสานตระกร้าสำหรับใส่แม่   เมื่อทุกอย่างพร้อมก็อุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังและออกเดินทางไปยังภูเขา ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจดจ่อกับการปีนเขาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แม่ผู้ชราก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้ากำลังมืดลงทุกทีๆ   นางเกิดความกลัวขึ้นมาว่าถ้าฟ้ามืดลูกชายอาจหลงทางอยู่บนเขาก็ได้ นางจึงเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ กิ่งแล้วกิ่งเล่าเพื่อที่ว่าหลังจากทิ้งนางไว้บนภูเขาแล้ว ลูกชายจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
เมื่อถึงเวลาที่แม่ลูกต้องจากกัน นางได้บอกลูกชายว่า "ลูกแม่ ตอนที่เราขึ้นมาบนเขา แม่ได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทาง ตอนลงจากเขาเจ้าจงสังเกตรอยไม้ที่แม่หักไว้ ก็จะถึงบ้านโดยปลอดภัย"
     เมื่อลูกชายได้ยินดังนั้น ทันใดสายตาก็มองเห็นมือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของแม่ เขาอดหลั่งน้ำตาออกมามิได้ และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทิ้งแม่ไว้บนภูเขาเด็ดขาด เขาอุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังพาลงภูเขา และซ่อนแม่ไว้ในยุ้งฉางเพื่อหลบสายตาจากคนภายนอก
     ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าเมืองก็ประกาศคำปริศนาไว้สองข้อ และบอกว่าหากใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้
ก็จะให้คนผู้นั้นสมปรารถนาหนึ่งประการ ปริศนาข้อแรกคือ ให้ฟั่นเชือกขึ้นมาจากขี้เถ้า และสองคือให้ร้อยเส้นไหมลอดผ่านเปลือกหอยสังข์
     เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่มีใครแก้ปริศนาได้ ลูกชายจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง เมื่อเล่าจบแม่ก็ยิ้มแล้วสอนว่า
     "ลูกแม่ เจ้าจงทำตามที่แม่บอกต่อไปนี้ สำหรับปริศนาข้อแรกให้เจ้าฟั่นเชือกขึ้นมาแล้วนำไปเผาให้ไหม้เป็นถ่าน ขี้เถ้าจะคงรูปเหมือนเชือกอยู่อย่างนั้น ส่วนปริศนาข้อที่สอง ให้ผูกเส้นไหมกับขามดแล้วจับมดไปใส่ในเปลือกหอย หลังจากนั้นให้โรยน้ำตาลและจุดเทียนอีกด้านหนึ่งของเปลือกหอย เมื่อมดได้กลิ่นน้ำตาลและเห็นแสงเทียนก็จะพยายามเดินออกไปอีกด้าน"
     ภายหลังเมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าคนที่แก้ปริศนาได้ แท้จริงแล้วคือหญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่ง จึงเกิดความเลื่อมใสในภูมิปัญญาของคนชราและตัดสินใจยกเลิกกฎให้ทิ้งพ่อแม่ตั้งแต่นั้น แม่กับลูกชายจึงใช้ชีวิตต่อมาอย่างมีความสุข


วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Hidden Messages in Water


กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง

Hidden Messages in Water

ขั้นนำ :

นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง  หรือ กิจกรรมให้เกิดความสงบมีสมาธิ ให้ร่างกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม


ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1. ครูอาจจะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบใกล้ชิดมากขึ้นกว่าวงกลมใหญ่
 2 .ครูพูดคุยกับนักเรียน...เราพอจะนึกออกไหม มีคำพูดและการกระทำใดที่เราเคยพูดและแสดงออกกับตัวเองเพื่อให้เรารู้สึกดีและมีความสุขขึ้นเมื่อเราไม่สบายใจ  มีคำพูดใดที่คนที่หวังดีและรักเรา พูดกับเราแล้วทำให้เรามีกำลังใจและมีความสุข     และตรงกันข้าม...มีคำพูดแบบใดบ้างที่เราทำให้เรารู้สึกไม่ดี  รู้สึกหดหู่ใจ  หรือมีคำพูดใดและการกระทำใดบ้างที่เราเคยได้พูดและแสดงออกกับคนในครอบครัว  พูดกับเพื่อนหรือคนรอบข้าง แล้วทำให้เขารู้สึกแย่ ทำให้เขาเสียใจ...  ให้ทุกคนลองนึกคำตอบในใจ และก่อนที่เราจะมาตอบคำถามเหล่านี้ ครูอยากให้พวกเราฟังและดูเรื่องราวนี้กันค่ะ

ครูอาจจะเล่าแล้วแสดงภาพตัวอย่างไปพร้อมๆกับการเล่า (จากแหล่งอ้างอิงด้านล่าง) หรือ...

ครูจะเปิดคลิป.......(คลิปจนถึงนาทีที่ 4.00 หลังจากนั้นให้หยุดคลิปก่อนเพื่อให้นักเรียนได้สรุปเป็นแนวคิดของตนเอง    หลังจากจบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้วก็อาจจะเปิดต่อเพื่อเป็นการสรุปแนวคิดที่ได้)

Hidden Messages in Water



3. ครูพูดคุยกับนักเรียนต่อ หลังจาก ครูเล่าเรื่อง หรือ คลิปจบ.... เราเห็นอะไรในคลิปนี้บ้าง เรารู้สึกและคิดอย่างไรกับคลิปนี้ และทุกคำตอบให้บอกเหตุผลว่า ทำไมเราจึงคิดแบบนั้นนอกจากคำพูดที่จะมีผลต่อความรูู้สึกของเราและคนรอบข้างแล้ว ยังมีสิ่งอื่นอีกไหมที่จะมีผลต่อความคิดและความรู้สึกของเรา  หลังจากที่ทุกคนตอบคำถามของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แล้วเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆของเรากันค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

-----------------------------------------------------------------

Hidden Messages in Water




ดร. มาซารุ อิโมโต เป็นแพทย์แผนใหม่ชาวญี่ปุ่นทีได้ทำการวิจัยศีกษาเกี่ยวกับผลีกของน้ำ ได้ค้นพบว่าจิตของมนุษย์และสภาพแวดล้อมรอบตัวนั้นมีผลต่อการก่อตัวของผลึกน้ำและได้เขียนหนังสือจากงานวิจัยของเขาชื่อ Hidden Messages in Water และได้ตีพิมพ์ขายทั่วโลกได้มากกว่า สี่แสนเล่ม เขาได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าความคิดและความรู้สีกของมนุษย์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงโลกในสามมิติได้



เขาได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงความไว้สูงถ่ายภาพในอุณหภูมิต่ำ ในช่วงที่ผลีกน้ำพึ่งก่อตัวใหม่ๆ ซี่งน้ำที่อยู่ในสภาพต่างกันจะก่อตัวเป็นผลึกไม่เหมือนกัน เขาได้พบว่าถ้าตัวอย่างน้ำที่เก็บมาจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เพี่อทำให้เย็นจะก่อตัวเป็นผลีกรูปร่างไม่เหมือนกัน โดยน้ำที่มาจากสถานที่ตามธรรมชาติจะก่อตัวเป็นผลีกที่สวยงามกว่าน้ำที่เก็บตัวอย่างใกล้ๆกับโรงงานอุตสาหกรรม ซี่งน้ำจากพี้นที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษนั้นจะไม่ก่อตัวเป็นผลีกเลย



เสียงเพลงก็ยังมีอิทธิพลต่อผลีกของน้ำเช่นกัน เพลงทีมีความไพเราะก็จะก่อผลีกเป็นรูปร่างสวยงามไม่เหมือนกัน  นอกจากนั้นแล้วเขาได้ทำการเปรียบเทียบผลีกของน้ำที่ก่อตัวโดยไม่ได้รับการอวยพร เทียบกับน้ำที่ได้รับการอวยพร พบว่า น้ำที่ได้รับการอวยพรนั้นจะมีผลีกสวยงาม เมื่อเทียบกับน้ำที่ไม่ได้รับการอวยพร โดยที่น้ำที่ไม่ได้รับการอวยพรไม่ก่อตัวเป็นผลึก



สุดท้ายถ้าตัวอักษรหรือคำพูดปิดไว้ที่ภาชนะใส่น้ำแล้วทำให้ก่อตัวเป็นผลีกขี้นของน้ำก็จะได้ผลีกรูปร่างที่ต่างกันออกไป โดยข้อความที่มีความไพเราะจะช่วยให้น้ำมีผลีกที่สวยงามมากกว่าข้อความที่เต็มไปด้วยความรุนแรง



วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

It's the little obstacle for us

กิจกรรมจิตศึกษา 
เรื่อง  It's the little obstacle for us


ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1. ครูอาจจะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบใกล้ชิดมากขึ้นกว่าวงกลมใหญ่
 2 .ครูพูดคุยกับนักเรียน...เคยมีครั้งไหนบ้างที่เรารู้สึกไม่อยากมาโรงเรียน  ทำไมเราจึงรู้สึกแบบนั้น  ทุกวันนี้เรามาโรงเรียนด้วยวิธีใด   เรารู้สึกลำบากไหม นั่นเป็นเพราะ ระยะทาง?  ยานพาหนะ? หรือ ใจของเรา?   ก่อนที่เราจะตอบคำถามกัน ครูอยากให้เราดูคลิปนี้ กันค่ะ (ครูเปิดให้ดูประมาณ 8 นาทีแรกนะคะ เพราะคลิปนี้มีหลายเรื่องค่ะ)





3. ครูพูดคุยกับนักเรียนต่อ หลังจาก คลิปจบ.... เราเห็นอะไรในคลิปนี้บ้าง เรารู้สึกและคิดอย่างไรกับคลิปนี้  ถ้าเราเป็นนักเรียนในคลิปนั้น เราจะทำอย่างไร   แล้วคิดว่าตอนนี้ที่เราเป็นอยู่เราคิดอย่างไร และทุกคำตอบให้บอกเหตุผลว่า ทำไมเราจึงคิดแบบนั้น   แล้วเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆของเรากันค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน




วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

The special song is always in my heart

กิจกรรมจิตศึกษา

"The special song is always in my heart"

ขั้นนำ :

นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง  หรือ กิจกรรมให้เกิดความสงบมีสมาธิ ให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม


ตัวอย่าง กิจกรรม Brain Gym





ขั้นดำเนินกิจกรรม :

 1.คุณครูพูดคุยกับนักเรียน....ถ้าให้เรานึกถึงเพลงที่เราประทับใจหนึ่งเพลง ให้สมกับที่เป็นเพลง ที่เรา จะให้คอนเซปว่า "The special song that 's always in my heart" เราจะนึกถึงเพลงใด  เราจำเนื้อร้องของเพลงทั้งหมดได้หรือไม่  หรือเราพอจะจำเนื้อร้องท่อนที่ประทับใจได้ไหม แล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่พิเศษและสร้างความประทับใจกับเราอย่างไร   ให้เราเขียนบันทึกบอกเล่าเรื่องราว ด้วยการเขียน ชื่อเพลง ชื่อศิลปินหากเราจำได้  และเนื้อร้องท่อนที่เราประทับใจ  ทำไมเพลงนี้จึงเข้ามาอยู่ในหัวใจของเรา





2. ครูอาจจะเริ่มด้วยการ พูดคุยถึงเพลงที่ครูประทับใจ  ชื่อเพลงนั้น และ เนื้อร้องท่อนที่ครูประทับใจ ครูบอกความรู้สึก และเหตุผลว่า ทำไมครูจึงชอบเพลงนี้   หลังจากนั้น ให้นักเรียนของเรา ได้บอกเล่าเรื่องราว เพลงที่เขาประทับใจ  ด้วยการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวงสนทนา

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน