วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2560

Kintsugi : The-art-of-broken-pieces


กิจกรรมจิตศึกษา 
เรื่อง  Kintsugi : The-art-of-broken-pieces





ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1. ครูอาจจะให้นักเรียนจับคู่กันเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบใกล้ชิดมากขึ้น เรียนรู้การฟังอย่างลึกซึ้ง (Deep Listening)
 2 .ครูเปิดเวบไซต์  เรื่องราวเกี่ยวกับงานศิลปะที่เรียกว่า  Kintsugi  (คุณครูอาจจะเปิดคลิปไปด้วยแล้วเล่าเรื่องราว ของงานศิลปะนี้ แต่คุณครูอย่าเพิ่งสรุปให้นักเรียนฟังนะคะ)





3. ครูพูดคุยกับนักเรียนต่อ หลังจาก คลิปจบ.... เราเห็นอะไรในคลิปนี้บ้าง เรารู้สึกและคิดอย่างไรกับคลิปนี้  เราคิดว่าเราจะนำแนวคิดของเรื่องนี้ไปใช้กับตัวเราได้อย่างไรบ้าง ให้นักเรียนเขียนบันทึก หลังจากนั้น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ความรู้สึกกับเพื่อนของเรา เปลี่ยนกันเป็นผู้พูดและผู้ฟัง

เมื่อจบกิจกรรม ครู Empower นักเรียน โดยให้ดูคลิป

Lessons From a Broken Japanese Bowl - ปรัชญาจากชามญี่ปุ่น




หลังจากคลิปจบ ครูกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน


แหล่งข้อมูลให้คุณครูศึกษาเรื่องราว Kintsugi เพิ่มเติม :

https://magazine.orami.co.th/G3-lifestyle-travel-japan-culture-art-kintsugi/

http://www.thisiscolossal.com/2014/05/kintsugi-the-art-of-broken-pieces/






วันพุธที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ฝึกหายใจ ยืดเหยียดร่างกาย

กิจกรรมจิตศึกษา
ฝึกหายใจ ที่ให้ประโยชน์ และ ยืดเหยียดร่างกาย


คุณครูอาจนำด้วย ท่าโยคะ พื้นฐาน หรือ...

สมาธิบำบัด SKT เกิดจากการคิดค้นของ รศ.ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี อาจารย์ประจำภาควิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ที่นำหลักประสาทวิทยาศาสตร์มาผสมผสานกับการปฏิบัติสมาธิ เกิดเป็นสมาธิเพื่อการบำบัดในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “สมาธิบำบัด SKT”

SKT ท่าที่ 1-2 เป็นท่าที่ทำได้ทันที ฝึกทั้งสมาธิและผ่อนคลายความตึงของ คอ บ่า ไหล่




https://www.facebook.com/mahidolchannel/?ref=page_internal

วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560

The Buddha And The Beggar

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง 
The Buddha And The Beggar



ขั้นนำ (5 นาที) :

1.นักเรียนและครูนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม อาจใช้ กิจกรรม นั่งสงบ มีสติ รับรู้ลมหายใจ-เข้า ออก ของตนเองประมาณ 2-3 นาที / หรืออาจจะใช้ กิจกรรม Brain Gym

2.ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับ...เรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง นักเรียนเคยได้ยินหรือได้ฟังมาก่อนหรือไม่ เรื่องเล่านี้ ชื่อเรื่อง The Buddha And The Beggar (เนื่องจากเรื่องเล่าเป็นภาษาอังกฤษ คุณครูอาจจะถอดบทความเป็นภาษาไทย เล่าให้นักเรียนได้ฟัง หรือ อาจจะเปิดเป็นคลิปก็ได้เนื่องจากมีแปลไทยเป็น Subtitle..... แต่อย่าเพิ่งเปิดในส่วนของสรุปข้อคิดให้นักเรียนได้ฟัง ให้หยุดคลิปและถามคำถามเพื่อให้นักเรียนได้คิดหาคำตอบเองก่อน)


3. นักเรียนเขียนบันทึก/แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  :  ฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไร  เราประทับใจตอนไหนของเรื่องนี้ เราได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง เราเคยมีประสบการณ์ที่เกิดผลคล้ายกับเรื่องนี้หรือไม่ เรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อนักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความคิดของตนเองครบทุกคน  ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความคิดและความรู้สึกของนักเรียน

ครูอาจจะฝากบทกลอนนี้ ให้นักเรียนในห้องได้อ่านพร้อมกัน ก่อนจบกิจกรรมจิตศึกษา


วันพุธที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง 
"อุบะสุเทะ" ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง







ขั้นนำ (5 นาที) :

1.นักเรียนและครูนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม กิจกรรม นั่งสงบ มีสติ รับรู้ลมหายใจ-เข้า ออก ของตนเองประมาณ 2-3 นาที
2.ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับ...ตำนานของประเทศญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง อุบะสุเทะ  นักเรียนเคยได้ยินได้ฟังนิทานเรื่องนี้หรือไม่ เราจะให้ตัวแทนของเพื่อนเราเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟังกันค่ะ ในขณะที่เพื่อนของเราเล่า สมาชิกที่เหลือจะตั้งใจฟังจนจบค่ะ


ขั้นดำเนินกิจกรรม : (15 - 20) นาที :

1. เพื่อนคนหนึ่งในห้องเล่า ตำนานเรื่อง ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

2. ร้องเพลงร่วมกัน  หนึ่งเดียวคือแม่ 



3. นักเรียนเขียนบันทึก/แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  :  ฟังเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไร  เราคิดว่า ถ้าเราเป็นลูกที่เกิดในสมัยนั้นเราจะทำอย่างไร    เราเคยแสดงพฤติกรรมไม่ดีกับแม่ของเราอย่างไรบ้างที่เรารู้สึกว่าท่านเสียใจ ทำไมตอนนั้นเราจึงตัดสินใจแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกไป     เราคิดว่า เรายังมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะแสดงออกกับแม่ของเรา  มีคำพูดบางคำที่เราอยากบอกท่าน แต่เรายังไม่ได้ทำ เรายังไม่ได้พูด หรือไม่    เราอยากทำอะไรให้แม่ของเราบ้าง เพราะเหตุใด

เมื่อนักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความคิดของตนเองครบทุกคน  ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความคิดและความรู้สึกของนักเรียน


------------------------------------------------------------


อุบะสุเทะ ภูเขาที่พ่อแม่ถูกทิ้ง

       ในสมัยเอโดะ (ค.ศ.1603-1867) ประเทศญี่ปุ่นมีการปกครองด้วยระบบขุนนาง มีเจ้าเมืองและซามูไรที่มีอำนาจลดหลั่นกันไป ประชาชนทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าเมืองแบบไม่มีเงื่อนไข
ช่วงที่ญี่ปุ่นถูกภัยแล้งคุกคามนานหลายปี เจ้าเมืองได้ออกกฏหมายขึ้นมาข้อหนึ่งว่า หากครอบครัวไหนมีพ่อแม่ที่อายุเกิน70ปี ลูกต้องนำพ่อแม่ไปทิ้งบนเขา มิฉะนั้นจะถูกประหาร เพราะถือว่าคนสูงวัยถึงเพียงนั้นเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นภาระ   ในทางตรงกันข้าม การตายเพื่อให้ลูกหลานได้อยู่ต่อนับเป็นการตายที่มีเกียรติสูงยิ่ง  ภูเขาสูงหลายแห่งจึงกลายเป็นหลุมฝังศพคนแก่ ขึ้นไปสองคน แต่กลับลงมาหนึ่ง ต่อเนื่องกันไปอย่างนี้เรื่อยมา
     ชาวญี่ปุ่นเรียกภูเขาเหล่านี้ว่า "อุบะสุเทะ" ("อุบะ" แปลว่า คนแก่ "สุเทะ" แปลว่า ทิ้ง)
   ...และแล้วก็ถึงวันที่แม่ของ"เขา"อายุครบ70ปี เช้าวันนั้นเขาจัดเตรียมข้าวเป็นเสบียง เตรียมสานตระกร้าสำหรับใส่แม่   เมื่อทุกอย่างพร้อมก็อุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังและออกเดินทางไปยังภูเขา ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจดจ่อกับการปีนเขาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แม่ผู้ชราก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้ากำลังมืดลงทุกทีๆ   นางเกิดความกลัวขึ้นมาว่าถ้าฟ้ามืดลูกชายอาจหลงทางอยู่บนเขาก็ได้ นางจึงเอื้อมมือไปหักกิ่งไม้ กิ่งแล้วกิ่งเล่าเพื่อที่ว่าหลังจากทิ้งนางไว้บนภูเขาแล้ว ลูกชายจะสามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
เมื่อถึงเวลาที่แม่ลูกต้องจากกัน นางได้บอกลูกชายว่า "ลูกแม่ ตอนที่เราขึ้นมาบนเขา แม่ได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทาง ตอนลงจากเขาเจ้าจงสังเกตรอยไม้ที่แม่หักไว้ ก็จะถึงบ้านโดยปลอดภัย"
     เมื่อลูกชายได้ยินดังนั้น ทันใดสายตาก็มองเห็นมือที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนของแม่ เขาอดหลั่งน้ำตาออกมามิได้ และตัดสินใจว่าจะไม่ยอมทิ้งแม่ไว้บนภูเขาเด็ดขาด เขาอุ้มแม่วางลงในตระกร้า แบกขึ้นหลังพาลงภูเขา และซ่อนแม่ไว้ในยุ้งฉางเพื่อหลบสายตาจากคนภายนอก
     ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าเมืองก็ประกาศคำปริศนาไว้สองข้อ และบอกว่าหากใครแก้ปริศนาเหล่านี้ได้
ก็จะให้คนผู้นั้นสมปรารถนาหนึ่งประการ ปริศนาข้อแรกคือ ให้ฟั่นเชือกขึ้นมาจากขี้เถ้า และสองคือให้ร้อยเส้นไหมลอดผ่านเปลือกหอยสังข์
     เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ก็ยังไม่มีใครแก้ปริศนาได้ ลูกชายจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้แม่ฟัง เมื่อเล่าจบแม่ก็ยิ้มแล้วสอนว่า
     "ลูกแม่ เจ้าจงทำตามที่แม่บอกต่อไปนี้ สำหรับปริศนาข้อแรกให้เจ้าฟั่นเชือกขึ้นมาแล้วนำไปเผาให้ไหม้เป็นถ่าน ขี้เถ้าจะคงรูปเหมือนเชือกอยู่อย่างนั้น ส่วนปริศนาข้อที่สอง ให้ผูกเส้นไหมกับขามดแล้วจับมดไปใส่ในเปลือกหอย หลังจากนั้นให้โรยน้ำตาลและจุดเทียนอีกด้านหนึ่งของเปลือกหอย เมื่อมดได้กลิ่นน้ำตาลและเห็นแสงเทียนก็จะพยายามเดินออกไปอีกด้าน"
     ภายหลังเมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าคนที่แก้ปริศนาได้ แท้จริงแล้วคือหญิงชราธรรมดาๆ คนหนึ่ง จึงเกิดความเลื่อมใสในภูมิปัญญาของคนชราและตัดสินใจยกเลิกกฎให้ทิ้งพ่อแม่ตั้งแต่นั้น แม่กับลูกชายจึงใช้ชีวิตต่อมาอย่างมีความสุข


วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Hidden Messages in Water


กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง

Hidden Messages in Water

ขั้นนำ :

นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง  หรือ กิจกรรมให้เกิดความสงบมีสมาธิ ให้ร่างกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม


ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1. ครูอาจจะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบใกล้ชิดมากขึ้นกว่าวงกลมใหญ่
 2 .ครูพูดคุยกับนักเรียน...เราพอจะนึกออกไหม มีคำพูดและการกระทำใดที่เราเคยพูดและแสดงออกกับตัวเองเพื่อให้เรารู้สึกดีและมีความสุขขึ้นเมื่อเราไม่สบายใจ  มีคำพูดใดที่คนที่หวังดีและรักเรา พูดกับเราแล้วทำให้เรามีกำลังใจและมีความสุข     และตรงกันข้าม...มีคำพูดแบบใดบ้างที่เราทำให้เรารู้สึกไม่ดี  รู้สึกหดหู่ใจ  หรือมีคำพูดใดและการกระทำใดบ้างที่เราเคยได้พูดและแสดงออกกับคนในครอบครัว  พูดกับเพื่อนหรือคนรอบข้าง แล้วทำให้เขารู้สึกแย่ ทำให้เขาเสียใจ...  ให้ทุกคนลองนึกคำตอบในใจ และก่อนที่เราจะมาตอบคำถามเหล่านี้ ครูอยากให้พวกเราฟังและดูเรื่องราวนี้กันค่ะ

ครูอาจจะเล่าแล้วแสดงภาพตัวอย่างไปพร้อมๆกับการเล่า (จากแหล่งอ้างอิงด้านล่าง) หรือ...

ครูจะเปิดคลิป.......(คลิปจนถึงนาทีที่ 4.00 หลังจากนั้นให้หยุดคลิปก่อนเพื่อให้นักเรียนได้สรุปเป็นแนวคิดของตนเอง    หลังจากจบการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แล้วก็อาจจะเปิดต่อเพื่อเป็นการสรุปแนวคิดที่ได้)

Hidden Messages in Water



3. ครูพูดคุยกับนักเรียนต่อ หลังจาก ครูเล่าเรื่อง หรือ คลิปจบ.... เราเห็นอะไรในคลิปนี้บ้าง เรารู้สึกและคิดอย่างไรกับคลิปนี้ และทุกคำตอบให้บอกเหตุผลว่า ทำไมเราจึงคิดแบบนั้นนอกจากคำพูดที่จะมีผลต่อความรูู้สึกของเราและคนรอบข้างแล้ว ยังมีสิ่งอื่นอีกไหมที่จะมีผลต่อความคิดและความรู้สึกของเรา  หลังจากที่ทุกคนตอบคำถามของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แล้วเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆของเรากันค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

-----------------------------------------------------------------

Hidden Messages in Water




ดร. มาซารุ อิโมโต เป็นแพทย์แผนใหม่ชาวญี่ปุ่นทีได้ทำการวิจัยศีกษาเกี่ยวกับผลีกของน้ำ ได้ค้นพบว่าจิตของมนุษย์และสภาพแวดล้อมรอบตัวนั้นมีผลต่อการก่อตัวของผลึกน้ำและได้เขียนหนังสือจากงานวิจัยของเขาชื่อ Hidden Messages in Water และได้ตีพิมพ์ขายทั่วโลกได้มากกว่า สี่แสนเล่ม เขาได้ทำการพิสูจน์แล้วว่าความคิดและความรู้สีกของมนุษย์นั้นสามารถเปลี่ยนแปลงโลกในสามมิติได้



เขาได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายสูงความไว้สูงถ่ายภาพในอุณหภูมิต่ำ ในช่วงที่ผลีกน้ำพึ่งก่อตัวใหม่ๆ ซี่งน้ำที่อยู่ในสภาพต่างกันจะก่อตัวเป็นผลึกไม่เหมือนกัน เขาได้พบว่าถ้าตัวอย่างน้ำที่เก็บมาจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เพี่อทำให้เย็นจะก่อตัวเป็นผลีกรูปร่างไม่เหมือนกัน โดยน้ำที่มาจากสถานที่ตามธรรมชาติจะก่อตัวเป็นผลีกที่สวยงามกว่าน้ำที่เก็บตัวอย่างใกล้ๆกับโรงงานอุตสาหกรรม ซี่งน้ำจากพี้นที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษนั้นจะไม่ก่อตัวเป็นผลีกเลย



เสียงเพลงก็ยังมีอิทธิพลต่อผลีกของน้ำเช่นกัน เพลงทีมีความไพเราะก็จะก่อผลีกเป็นรูปร่างสวยงามไม่เหมือนกัน  นอกจากนั้นแล้วเขาได้ทำการเปรียบเทียบผลีกของน้ำที่ก่อตัวโดยไม่ได้รับการอวยพร เทียบกับน้ำที่ได้รับการอวยพร พบว่า น้ำที่ได้รับการอวยพรนั้นจะมีผลีกสวยงาม เมื่อเทียบกับน้ำที่ไม่ได้รับการอวยพร โดยที่น้ำที่ไม่ได้รับการอวยพรไม่ก่อตัวเป็นผลึก



สุดท้ายถ้าตัวอักษรหรือคำพูดปิดไว้ที่ภาชนะใส่น้ำแล้วทำให้ก่อตัวเป็นผลีกขี้นของน้ำก็จะได้ผลีกรูปร่างที่ต่างกันออกไป โดยข้อความที่มีความไพเราะจะช่วยให้น้ำมีผลีกที่สวยงามมากกว่าข้อความที่เต็มไปด้วยความรุนแรง



วันอาทิตย์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

It's the little obstacle for us

กิจกรรมจิตศึกษา 
เรื่อง  It's the little obstacle for us


ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1. ครูอาจจะแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ 4-5 คน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบใกล้ชิดมากขึ้นกว่าวงกลมใหญ่
 2 .ครูพูดคุยกับนักเรียน...เคยมีครั้งไหนบ้างที่เรารู้สึกไม่อยากมาโรงเรียน  ทำไมเราจึงรู้สึกแบบนั้น  ทุกวันนี้เรามาโรงเรียนด้วยวิธีใด   เรารู้สึกลำบากไหม นั่นเป็นเพราะ ระยะทาง?  ยานพาหนะ? หรือ ใจของเรา?   ก่อนที่เราจะตอบคำถามกัน ครูอยากให้เราดูคลิปนี้ กันค่ะ (ครูเปิดให้ดูประมาณ 8 นาทีแรกนะคะ เพราะคลิปนี้มีหลายเรื่องค่ะ)





3. ครูพูดคุยกับนักเรียนต่อ หลังจาก คลิปจบ.... เราเห็นอะไรในคลิปนี้บ้าง เรารู้สึกและคิดอย่างไรกับคลิปนี้  ถ้าเราเป็นนักเรียนในคลิปนั้น เราจะทำอย่างไร   แล้วคิดว่าตอนนี้ที่เราเป็นอยู่เราคิดอย่างไร และทุกคำตอบให้บอกเหตุผลว่า ทำไมเราจึงคิดแบบนั้น   แล้วเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆของเรากันค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน




วันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

The special song is always in my heart

กิจกรรมจิตศึกษา

"The special song is always in my heart"

ขั้นนำ :

นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง  หรือ กิจกรรมให้เกิดความสงบมีสมาธิ ให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม


ตัวอย่าง กิจกรรม Brain Gym





ขั้นดำเนินกิจกรรม :

 1.คุณครูพูดคุยกับนักเรียน....ถ้าให้เรานึกถึงเพลงที่เราประทับใจหนึ่งเพลง ให้สมกับที่เป็นเพลง ที่เรา จะให้คอนเซปว่า "The special song that 's always in my heart" เราจะนึกถึงเพลงใด  เราจำเนื้อร้องของเพลงทั้งหมดได้หรือไม่  หรือเราพอจะจำเนื้อร้องท่อนที่ประทับใจได้ไหม แล้วเพลงนี้เป็นเพลงที่พิเศษและสร้างความประทับใจกับเราอย่างไร   ให้เราเขียนบันทึกบอกเล่าเรื่องราว ด้วยการเขียน ชื่อเพลง ชื่อศิลปินหากเราจำได้  และเนื้อร้องท่อนที่เราประทับใจ  ทำไมเพลงนี้จึงเข้ามาอยู่ในหัวใจของเรา





2. ครูอาจจะเริ่มด้วยการ พูดคุยถึงเพลงที่ครูประทับใจ  ชื่อเพลงนั้น และ เนื้อร้องท่อนที่ครูประทับใจ ครูบอกความรู้สึก และเหตุผลว่า ทำไมครูจึงชอบเพลงนี้   หลังจากนั้น ให้นักเรียนของเรา ได้บอกเล่าเรื่องราว เพลงที่เขาประทับใจ  ด้วยการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวงสนทนา

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน


วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Who am I?


กิจกรรมจิตศึกษา 
เรื่อง  Who am I ?


เป้าหมาย  เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์และเชื่อมโยงระหว่างตนเองกับสิ่งต่างๆ 



ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรมสร้างสมาธิ เช่น การรับรู้ลมหายใจที่ปลายจมูก การหายใจเข้าลึกท้องขยาย หายใจออกท้องแฟบ ประมาณ 2-3 นาที เพื่อให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม


ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1.คุณครูพูดคุยกับนักเรียน.... นักเรียนคิดว่านักเรียนจะตอบคำถามที่ว่า ฉันคือใคร? ว่าอย่างไร  ให้เราลองนึกหาคำตอบในใจ แล้วเขียนบันทึกคำตอบนั้น (ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที)

2. ครูเปิดคลิป Power of Ten - ความยาวประมาณ 5 นาที (ก่อนเปิดคลิป ครูอาจพูดคุยเรื่องของตัวเรากับโลก ตัวเรากับจักรวาลนี้ นักเรียนคิดว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างไร)




3. ครูถามคำถามกับนักเรียนว่า... เมื่อเราดูจบแล้ว เราเห็นอะไรในคลิปบ้าง  คลิปนี้ทำให้เรารู้สึกและคิดอย่างไร?  ทำไมเราจึงรู้สึกและคิดแบบนั้น ? คลิปนี้ทำให้เรานึกถึงเรื่องใดในชีวิตของเรา? เพราะเหตุใด?     ให้เราเขียนบันทึกคำตอบของเรา.....หลังจากนั้น เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดและความรู้สึกนี้ กับเพื่อนๆของเรา (ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที)

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

วันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

Questions for myself


กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง  Questions for myself



ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ตัวอย่าง กิจกรรม Brain Gym





ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1.คุณครูพูดคุยกับนักเรียน.......เราเคยตั้งคำถาม ถามตัวเองหรือไม่  พอจะนึกออกไหมคำถามนั้นถามว่าอย่างไร แล้วเราเคยหาคำตอบหรือไม่.....บางคนอาจจะเคย บางคนอาจจะไม่เคย.....กิจกรรมเช้านี้เราจะมาฝึกตั้งคำถามเพื่อถามตัวเราเอง พร้อมกับกับคำถามที่เราถามตัวเองกันค่ะ

2. ครูเริ่มด้วยการให้ คำเริ่มต้นของคำถาม แล้วให้นักเรียนคิดคำถามต่อ.....เพื่อถามเรื่องใดก็ได้จากตัวเอง










3. เมื่อเราตั้งคำถามและตอบคำถามของเราแล้ว เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆของเราเมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง ก็แค่ความผิดเล็กน้อย(จริงหรือ?)




กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง ก็แค่ความผิดเล็กน้อย(จริงหรือ?)



ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ตัวอย่าง กิจกรรม ฝึกสติ และ สมาธิ 


ขั้นดำเนินกิจกรรม :
 1.คุณครูเริ่มเล่าเรื่อง......ก็แค่ความผิดเล็กน้อย(จริงหรือ?).... นักเรียนฟังอย่างตั้งใจ  หรือ จะให้นักเรียนอ่านบทความจากกระดาษที่พิมพ์เตรียมไว้แล้วก็ได้ อาจจะแบ่งใหันั่งเป็นกลุ่มๆละ 3-4 คน เพื่อให้สมาชิกได้ฝึกการฟังเรื่องราวนี้จากเสียงที่เพื่อนเล่า   และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

2. ตอบคำถามต่อไปนี้ โดยเล่าให้เพื่อนในกลุ่มของเราฟัง เรารู้สึกอย่างไรกับบทความนี้ เรื่องเล่านี้น่าจะเป็นเรื่องจริง ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัทต่างๆ เราจะรับนักศึกษาคนนี้เข้าทำงานหรือไม่ เพราะเหตุใด ถ้าเราเป็นนักศึกษาคนนี้ เราจะทำอย่างไร เพราะเหตุใด

3. ตัวแทนแต่ละกลุ่ม เล่าให้เพื่อนๆ กลุ่มอื่นได้รับฟังความรู้สึกและสิ่งที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่มของตน

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน



......................................................................


      สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อหลายปีก่อน มีหญิงคนหนึ่งเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เดินทางไปทำงานในประเทศฝรั่งเศส เธอทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย เธอเริ่มสังเกตเห็นว่า ระบบจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติของขนส่งสาธารณะมีช่องโหว่อย่างหนึ่งคือ ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ต้องซื้อตั๋วกับตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติเอง ตรงประตูทางออกของแต่ละสถานีก็ไม่มีการตรวจตั๋วแต่อย่างใด ไม่มีพนักงานตรวจตั๋วเช่นกัน อาจมีการสุ่มตรวจบ้างแต่น้อยมาก 

     เมื่อเธอสังเกตถึงเรื่องนี้ เธอจึงนึกว่าตนเองฉลาดมากที่จับผิดตรงจุดนี้ได้ เธอวางแผนที่จะหลีกเลี่ยงการชำระค่าโดยสาร โอกาสที่จะโดนจับได้นั้นมีเพียงแค่ 3 ใน 1หมื่นคนเท่านั้น เป็นสัดส่วนที่น้อยมากเลยทีเดียวหลังจากนั้นเธอจึงหลีกเลี่ยงการซื้อตั๋วรถอยู่หลายครั้ง เธอให้เหตุผลปลอบใจตนเองว่า เป็นเพราะตนเองเป็นนักเรียนที่ยากจน จึงต้องประหยัดค่าใช้จ่ายหน่อย





      4 ปีต่อมา เมื่อเธอเรียนจบในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังเป็นนักเรียนดีเด่นของมหาวิทยาลัยมีผลการเรียนที่ดี เป็นนักเรียนเกียรตินิยม เธอเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก จึงเขาไปสมัครทำงานยังกรุงปารีส เมื่อเธอเข้าไปสัมภาษณ์งานยังบริษัทต่างๆเธอก็เริ่มพรีเซ็นต์ตนเองอย่างคล่องแคล่ว ด้วยบุคลิกภาพที่ดีเยี่ยม  แต่ทว่าบริษัทต่างๆเหล่านั้นที่เธอส่งเรซูเม่เข้าไปนั้น ต่างก็ปฏิเสธรับเธอเข้าทำงานทั้งหมด ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เธอโดนปฏิเสธ ทำให้เธอรู้สึกแย่มากและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงาน เธอคิดว่าคงเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนต่างถิ่นแน่นอน
      ครั้งสุดท้ายที่เธอไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ก็โดนปฏิเสธเหมือนกัน เธอจึงวิ่งเข้าไปยังออฟฟิตของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทนั้น แล้วขอให้ผู้จัดการให้เหตุผลว่าทำไมถึงปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงาน




ผู้จัดการ: "พวกเราไม่ได้กีดกันคุณ ตรงกันข้ามเราให้ความสำคัญกับคุณมาก วินาทีแรกที่คุณส่งเรซูเม่เพื่อขอสมัครกับบริษัทของเรา บริษัทรู้สึกสนใจและดีใจมากที่ พูดตามความจริงนะคะ จากประวัติและความสามารถของคุณดีพร้อมตรงตามที่เราต้องการทุกอย่าง"
หญิงสาว: "แล้วทำไมไม่รับคนมีความสามารถอย่างนี้เข้าทำงานละคะ?"
ผู้จัดการ: "เพราะว่า หลังจากที่บริษัทตรวจเช็คประวัติเครดิตความเชื่อถือของคุณแล้ว พบว่าคุณโดนจับและโดนปรับ เนื่องจากไม่ซื้อตั๋วโดยสารและถูกลงบันทึกในสถานีตำรวจถึง 3 ครั้ง"
หญิงสาว: "แต่ฉันไม่คิดว่า เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้จะเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะรับบุคคลากรที่มีความสามารถ เพราะหลายครั้งที่บทความของฉันถูกตีพิมพ์ในวารสารหรือหนังสือพิมพ์"
ผู้จัดการ:"อะไรนะ คุณบอกว่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น? แต่เราไม่คิดว่านั้น ว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เพราะจากบันทึกของตำรวจบอกว่า ครั้งแรกที่จับได้ คุณให้เหตุผลว่า เพราะคุณเพิ่งเข้ามาในประเทศเพียง1สัปดาห์ ทำให้ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงกฏระเบียบการซื้อตั๋วของประเทศมากนัก เจ้าหน้าที่จึงให้คุณจ่ายเงินส่วนต่างเพิ่มเท่านั้น แต่หลังจากนั้นคุณโดนจับอีกถึง 2 ครั้ง"

หญิงสาว: "นั่นเป็นเพราะในกระเป๋าไม่มีเงิน"
ผู้จัดการ: "ไม่ ไม่ ไม่คะ ฉันไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของคุณ ฉันคิดว่าก่อนที่จะโดนจับได้นั้นคุณคงเคยทำผิดมาแล้วหลายครั้ง จนทำให้ตำรวจเพ่งเล็งตัวคุณ ทำให้คุณโดนจับในที่สุด"
หญิงสาว: "นั้นก็แค่ความผิดเล็กน้อยไม่ถึงตายหรอกมั้ง? ทำไมให้ความสำคัญกับมันมากขนาดนั้น? ครั้งต่อไปแก้ไขปรับปรุงตัวใหม่ก็ได้แล้วไม่ใช่หรอ?"
ผู้จัดการ: "ไม่ ไม่ ไม่คะ นั้นกำลังแสดงให้เห็นว่า 
1.คุณไม่เคารพกฏระเบียบ เพราะคุณคงสังเกตเห็นแล้วว่าช่องทางการจำหน่ายและมีช่องโหว่ที่จะทำให้คุณสามารถหลีกเหลี่ยงการซื้อตั๋วรถได้ 
2.คุณไม่สมควรที่จะได้รับความเชื่อถือใดๆทั้งสิ้น เพราะบริษัทเรามีหน้าที่และงานมากมายที่จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยความเชื่อถือในการดำเนินงาน หากคุณได้รับหน้าที่รับผิดชอบให้ไปพัฒนาตลาดในภูมิภาคต่างๆ บริษัทจะให้อำนาจคุณ และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย บริษัทก็ไม่มีต้นทุนมากพอสำหรับการตั้งค่าที่ซับซ้อนเพื่อการตรวจสอบ เช่นเดียวกับบริษัทคมนาคมการขนส่งสาธารณะของประเทศของเรา เพราะฉะนั้นบริษัทของเราไม่สามารถใช้บุคลากรเช่นคุณได้ และขอพูดตามความจริงเลยว่า หากคุณจะหางานทำในสหภาพยุโรปนี้ก็ขอบอกอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า คุณจะไม่ได้รับเข้าทำงานอย่างแน่นอน"




    ในตอนนั้นเอง ฉันเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน และรู้สึกสำนึกผิดอย่างมาก แต่จริงๆสิ่งที่ทำให้เธอกลัวมาก นั้นเป็นเพราะว่าวลีหนึ่งที่ผู้จัดได้พูดกับเธอคือ "จรรยาบรรณสามารถเสริมสร้างภูมิปัญญาได้ แต่ภูมิปัญญาไม่สามารถเสริมสร้างให้มีจรรยาบรรณที่ดีได้"
และยังมีคนบอกอีกว่า จริยธรรมเป็นคุณภาพขั้นพื้นฐานของคนทุกคน หากว่าคนคนนั้นเป็นคนดีพร้อม แต่มีปัญหาด้านบุคลิกภาพแล้วก็จะทำให้สูญเสียความไว้วางใจและการได้รับการสนับสนุนจากผู้อื่น ในสังคมของการทำงานแล้ว หากพบคนแบบนี้ก็จะเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพียงเพราะผลประโยชน์เล็กน้อย แต่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของตนเองอย่างมาก

http://www.liekr.com/post_152590.html




https://goo.gl/id1JE5

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

หนังสั้น เรื่อง ไอ้เตี้ย

กิจกรรม จิตศึกษา
หนังสั้น เรื่อง ไอ้เตี้ย

ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym / กิจกรรมสร้างสมาธิ

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1. คุณครูบอกกับนักเรียนว่า....เช้านี้เรามาชมหนังสั้น สนุกเรื่องหนึ่งด้วยกันนะคะ เรื่องราวของหนังน่าสนใจมากทีเดียว หลังจากดูจบแล้ว เราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ในประเด็นคำถามที่น่าสนใจกันอีกเช่นเคยค่ะ

2. ครูเปิด คลิปหนังสั้น เรื่อง ไอ้เตี้ย
ดาวน์โหลดได้จากไดร์วที่ ลิงค์>>> หนังสั้น

หนังสั้น โรงเรียนบ้านหลวง (ดอยอ่างขาง) สพป.เชียงใหม่ เขต 3

รางวัล ชนะเลิศ เหรียญทอง กิจกรรมการประกวดภาพยนตร์สั้น ป.1-ป.6






3. คำถามกระตุ้นให้ เกิดความคิด และ ความรู้สึก
   - เรารู้สึกประทับใจฉากใดของหนังสั้นเรื่องนี้ เพราะเหตุใด หรืออาจจะถามว่า ดูหน้งเรื่องนี้แล้วทำให้เรานึกถึงใครบ้าง หนังสั้นเรื่องนี้ทำให้เรานึกถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ใดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราบ้าง (ได้ทั้งในแง่มุมที่ประทับใจและไม่ประทับใจ) เพราะเหตุใดเราจึงคิดแบบนั้น

4. เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยการให้ทุกคนได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

วันพุธที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560

คุรุบุปผชาติ

กิจกรรมจิตศึกษา
วันไหว้ครู



ขั้นนำ (5 นาที) :

1.นักเรียนและครูนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม กิจกรรม นั่งสงบ มีสติ รับรู้ลมหายใจ-เข้า ออก ของตนเองประมาณ 2-3 นาที
2.ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับ....เพลงที่ชื่อว่า คุรุบุปผชาติ  เป็นเพลงที่กล่าวถึงดอกไม้ชนิดหนึ่ง ให้นักเรียนตัังใจฟัง ดอกไม้ที่อยู่ในเพลงคือ ดอกอะไร  และดอกไม้นี้หมายถึงใคร  หลังจากฟังเพลงนี้จบเราจะมาแลกเปลี่ยนความคิดของทุุกคนค่ะ

ขั้นดำเนินกิจกรรม : (15 - 20) นาที

1. ครูเปิดคลิปเสียงเพลง ( 4 นาที)  เพลง คุรุบุปผชาติ  <<<<< ดาวน์โหลดได้ทันทีค่ะ

2. นักเรียนเขียนบันทึก/แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  :  ฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกอย่างไร  เราคิดว่า ดอกไม้ในเพลงนี้จะเติบโตในแบบไหน น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง เราจะแบ่งปันความรู้สึกนี้ให้เพื่อนๆได้ฟังกันค่ะ

เมื่อนักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความคิดของตนเองครบทุกคน  ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความคิดและความรู้สึกของนักเรียน

เริ่ม พิธีไหว้ครูในห้องเรียน ในบรรยากาศที่อบอุ่น แล้วแต่คุณครูแต่ละห้องจะออกแบบนะคะ

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ฟังนิทาน เรื่อง น้ำกับทิฐิ

กิจกรรม จิตศึกษา
ฟังนิทานสีขาว เรื่อง น้ำกับทิฐิ


ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ครูเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ เพื่อให้นักเรียนผ่อนคลาย อาจจะทำสมาธิ นั่งนิ่งๆ หรือนอนนิ่งๆ เฝ้าดูลมหายใจเข้าและออกของตนเอง ประมาณ 2 นาที ทำให้จิตใจสงบผ่อนคลาย ก่อนทำกิจกรรมต่อไป

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1. คุณครูบอกกับนักเรียนว่า....เช้านี้เรามาฟังนิทานสนุกๆเรื่องหนึ่งกันนะคะ นานแล้วที่เราไม่ได้ฟังนิทานกันเหมือนตอนที่เราอยู่ชั้นเล็กๆ จำได้ไหมเอ่ยว่านิทานที่ คุณครูเล่าตอนนั้นแสนสนุก น่าประทับใจและน่าติดตามแค่ไหน ในขณะที่ฟังนิทานขอให้พวกเรา ตั้งใจ มีสมาธิ ในการฟัง ลำดับเรื่องราวแล้วคิดตามไปด้วยกับเสียงผู้เล่านิทาน แล้วเราจะรู้สึกสนุกเหมือนกับอยู่ในนิทานเรื่องนี้เลยทีเดียวค่ะ และหลังจากนิทานเรื่องนี้จบเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความรู้สึกจากการฟังนิทานกันค่ะ


2. ครูเปิด คลิปเสียงนิทาน เรื่อง น้ำกับทิฐิ
หมายเหตุ นิทานเรื่องนี้ เป็นคลิปเสียง มีความยาวประมาณ 10 นาที จะรวมสรุปข้อคิดด้วย คุณครูควรจะหยุดคลิป ก่อน ผู้เล่าจะสรุปเพื่อให้นักเรียนได้สรุปเป็นข้อคิดด้วยตัวเอง เราจะได้เห็นความคิดของนักเรียนได้หลากหลาย ดังนั้น ครูควรจะหยุดคลิปในเวลา ที่ 7.28 นาที แล้วดำเนินกิจกรรมลำดับต่อไป
Download  Sound Clip >>>>> นิทานเรื่อง น้ำกับทิฐิ

น้ำกับทิฐิ


3. คำถามกระตุ้นให้ เกิดความคิด และ ความรู้สึก
   - เรารู้สึกอย่างไรกับนิทานเรื่องนี้ นิทานนี้ทำให้เราได้หวนคิดถึงเรื่องใดบ้าง เพราะเหตุใด หากเราเป็นเพื่อนของ ทิฐิ ตัวละครเรื่องนี้ เราจะช่วยเขาได้อย่างไรบ้าง

4. เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยการให้ทุกคนได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

หนังสั้น เรื่อง "ผู้ตัดสิน"

กิจกรรม จิตศึกษา 
หนังสั้น เรื่อง  ผู้ตัดสิน

ขั้นนำ (5 นาที) :

1.นักเรียนและครูนั่งล้อมวงกันเป็นวงกลม (กิจกรรม Brain Gym 1 กิจกรรม ที่ครูแต่ละท่านเตรียมมาแล้ว)
2.ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับ....ข่าวนี้ 


เมื่อวันนี้ 25 มกราคม 2560 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่าตามที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International) ได้ประกาศค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ปี 2016 ปรากฎว่า 2 ใน 3 จาก 176 ประเทศทั่วโลก ได้คะแนนต่ำกว่า 50 คะแนน สำหรับประเทศที่ได้อันดับหนึ่งยังคงเป็นประเทศเดนมาร์กและนิวซีแลนด์ 90 คะแนนเท่ากัน ขณะที่ประเทศจากทวีปเอเซียอย่างสิงคโปร์อยู่อันดับที่ 7 ได้ 84 คะแนน ในส่วนของประเทศไทยได้ 35 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ลดลง 3 คะแนน ได้ลำดับที่ 101 เมื่อเทียบกับปี 2558 ได้ 38 คะแนน อยู่อันดับ 76 จาก 168 ประเทศ...



จากบทความนี้ นักเรียนรู้สึกอย่างไร แต่ก่อนที่จะตอบคำถาม ครูมีคลิปหนังสั้นเรื่องหนึ่ง เราจะดูไปด้วยกัน และเมื่อนักเรียนดูแล้วคิดอย่างไรกันบ้าง....




ขั้นดำเนินกิจกรรม : (15 - 20) นาที

1. ครูเปิดคลิป ( 13 นาที)   คลิปภาพยนตร์สั้น เรื่อง "ผู้ตัดสิน" คุณครูสามารถดาวน์โหลดจากลิงค์ https://youtu.be/4A7xpbbjm9Q โดยใช้เวบ keepvid.com ดาวน์โหลดค่ะ

2. นักเรียนบันทึก/แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน  : นักเรียนเห็นอะไรบ้าง   นักเรียนรู้สึกอย่างไรต่อคลิปนี้ /  นักเรียนเคยมีประสบการณ์คล้ายๆ กับเรื่องราวในคลิปนี้หรือไม่  เหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร   และจากบทความข้างต้นเราจะช่วยกันขยับอันดับการคอรัปชั่นของประเทศเราให้ดีขึ้นได้ (โกงน้อยลง)ได้อย่างไรบ้าง ให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันในวงสนทนา


เมื่อนักเรียนร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้สึกและความคิดของตนเองครบทุกคน/การจดบันทึกลงกระดาษหรือสมุดที่ได้ตกลงกันไว้ในตอนเริ่มต้น   ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความคิดและความรู้สึกของนักเรียน

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง ทรงสถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์

กิจกรรมจิตศึกษา
เรื่อง ทรงสถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์











ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/นั่งสมาธิ  ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1.ครูเปิดเพลง   - ในหลวงของแผ่นดิน  https://youtu.be/UyIeFc2jEYY  หรือ


                         - ลูกขอสัญญา  https://youtu.be/cq_1lC6VBFQ?list=RDH5nGNGhvRW8
  

2. นักเรียนนั่งเป็นกลุ่ม และสมาชิกแต่ละคนจะได้รับ  "พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท ในหลวงรัชกาลที่ 9" (ที่คุณครูได้จัดเตรียมมาแล้ว) ....นักเรียนอ่านให้เพื่อนๆ สมาชิก ในกลุ่มฟังจนครบทุกคน จากนั้นสมาชิกในกลุ่มแต่ละคน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงความรู้สึกของตนหลังจากที่ได้อ่านและฟังพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท ในหลวงรัชกาลที่ 9 และเราจะน้อมเกล้าฯ น้อมนำ พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท อันทรงคุณค่ายิ่งนี้ ไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และเพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเองอย่างไร

เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

ฟังนิทาน เรื่อง คุณค่าของกล้วยหอม

กิจกรรมจิตศึกษา
ฟังนิทาน เรื่อง "คุณค่าของกล้วยหอม"

จากหนังสือ ด้วยรักบันดาล...นิทานสีขาว
ผู้เล่าเรื่อง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ผู้เรียบเรียง สุพัตรา แซ่ลิ้ม



ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/นั่งสมาธิ  ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1.เกริ่นนำ....ครูอาจจะพูดถึงนิทาน หรือ เรื่องเล่าดีๆ ที่นักเรียนควรจะหาฟัง หรือ ควรจะหาอ่านเพื่อเป็นใช้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิต สร้างแรงบันดาล และ ใช้เตือนสติตัวเองอยู่เสมอ    และนิทานในวันนี้ ก็เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่ ฟังแล้วจะทำให้เราได้แนวความคิดอีกหลายมุมมอง เมื่อฟังนิทานเรื่องนี้แล้วเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนะคะ

2. ครูเปิด คลิป นิทาน เรื่อง คุณค่าของกล้วยหอม  จากแหล่งข้อมูลที่เตรียมไว้ให้
 สามารถ ฟังและดาวน์โหลดไฟล์ได้ที่นี่ค่ะ>>> https://youtu.be/WcMIj3SSRqY
หรือ จะพิมพ์จากแหล่งข้อมูลด้านล่างให้นักเรียนได้อ่าน กันในกลุ่ม แล้วแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่ม


3. เห็นอะไรในนิทานเรื่องนี้บ้าง ตอนไหนที่รู้สึกประทับใจ  และเรารู้สึกอย่างไร  และ นิทานเรื่องนี้ ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์หรือเรื่องราวใดบ้างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา

4. เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยการให้ทุกคนได้แชร์คำตอบนั้นให้เพิื่อนๆ ฟังค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน


------------------------------------
นิทานสีขาว เรื่อง  คุณค่าของกล้วยหอม
จากหนังสือ ด้วยรักบันดาล...นิทานสีขาว
ผู้เล่าเรื่อง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ผู้เรียบเรียง สุพัตรา แซ่ลิ้ม



ณ บ้านน้อยในป่าใหญ่หลังหนึ่ง มีพ่อกับลูกชายวัยเก้าขวบที่เป็นใบ้อาศัยอยู่ด้วยกัน พ่อเป็นคนที่เคร่งครัดในศาสนามาก  ผู้เป็นพ่อจึงอยากให้ลูกชายมีการปฏิบัติเช่นเดียวกับตน  แต่เนื่องจากลูกชายของเขาเป็นใบ้ไม่สามารถออกเสียงสวดมนต์ได้  เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลยและรู้สึกไม่สมหวังในตัวลูกชายอยู่ลึก ๆ ...
         วันหนึ่ง หลังสวดมนต์ตอนเช้าเสร็จแล้วผู้เป็นพ่อได้เรียกลูกชายให้เข้ามาในห้องพระ แล้วยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้  พร้อมกัยบอกว่า
         "นี่ลูกเอ๋ย  เจ้าจงนำเงินนี้ไปเลือกซื้อกล้วยหอมที่งามที่สุดมาให้พ่อสักหวีหนึ่งนะ  พ่อจะนำมาทำพีธีบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตเรา.. จำไว้นะลูก  ต้องเลือกหวีที่ดีที่สุดเท่านั้น  และต้องกลับมาให้ทันก่อนเวลาพระอาทิตย์อยู่ตรงหัวด้วยล่ะ"  ผู้เป็นพ่อกำชับ  ซึ่งลูกชายก็พยักหน้ารับคำเป็นอย่างดี  แล้วออกจากบ้านไป
         เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายคล้อยแล้วลูกชายก็ยังไม่กลับมา  ผู้เป็นพ่อรู้สึกโมโหลูกชายเป็นอันมาก  หลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายก็กลับมาถึงบ้าน  และทันทีที่เห็นหน้าลูกผู้เป็นพ่อตะคอกถามว่า
         "มัวไปเที่ยวเล่นที่ไหนจึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้  รู้ไหม..เพราะเจ้ามาช้าพ่อจึงต้องพลาดพิธีบูชาพระพุทธเจ้าในวันนี้ไป"
         และเมื่อมองไม่เห็นกล้วยหอมในมือลูกผู้เป็นลูก  เขาก็รู้สึกเขารู้สึกโมโหมากขึ้นอีก
         "ที่พ่อให้เงินเจ้าไปซื้อกล้วยหอม  เจ้าไม่ได้ทำอย่างนั้นเรอะ  อย่างนั้นก็จงเอาเงินของพ่อมาคืนเสียเดี๋ยวนี้"
         แต่ลูกชายไม่มีเงินคืนให้แก่พ่อของเขา  เขาส่ายหน้าและทำไม้ทำมือเพื่อจะสื่อสารอะไรบางอย่าง..
         ฝ่ายพ่อนั้น  แค่ได้รู้ว่าลูกไม่ได้ซื้อกล้วยหอมและไม่มีเงินกลับมาคืนก็โกรธจนขาดสติ  ด้วยคิดว่าลูกเอาเงินไปซื้อขนมจนหมดสิ้น  เขาจึงเงื้อไม้เรียวและกระหน่ำฟาดไปที่น่องของลูกอย่างแรง  เด็กชายได้รับความเจ็บปวดมาก  แต่เขาพูดไม่ได้ จึงได้แต่ส่งเสียงร้อง..ขอความเห็นใจจากผู้เป็นพ่อ  ซึ่งขณะนี้ไม่มีแก่ใจรับฟังเสียงเว้าวอนใด ๆ จากลูกชายทั้งสิ้น
         "เพราะเจ้าไม่สวดมนต์  เจ้าจึงกลายเป็นคนเลว  ลูกไม่รักดีเช่นเจ้า  สู้ไม่มีเสียจะดีกว่า"  ผู้เป็นพ่อว่า  พร้อมกับลงไม้เรียวบนน่องของบุตรชายต่อไปอย่างไม่ยั้ง
         ขณะนั้นเอง  มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น  ขายผู้เป็นพ่อจึงหยุดเฆี่ยนตีลูกชาย  แล้วเปิดประตูออกไปดู  พบหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่  แขนข้างหนึ่งของนางอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้  ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งคล้องตะกร้าใบใหญ่ที่มีผ้าคลุมปิดของที่อยู่ข้างใน
         "นางมาเยือนบ้านข้าด้วยเหตุอันใดหรือ" ชายผู้เป็นพ่อถามอย่างแปลกใจ  เพราะเขาไม่เคยรู้จักหญิงคนนี้และลูกสาวของเธอมาก่อน
         "อย่างนั้นคงจะผิดบ้านแล้ว  เพราะข้าไม่เคยรู้จักนางหรือลูกของนางมาก่อน"  ชายผู้เป็นพ่อปฏิเสธ
         "หากท่านเป็นบิดาของบุตรชายใบ้ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา  ก็เห็นจะไม่ผิดหรอก"  นางตอบพร้อมกับแย้มรอยยิ้ม
         ชายผู้เป็นพ่อรู้สึกพิศวงมากที่หญิงนางนี้รู้จักกับลูกชายของเขา  เขาจึงสอบถามเรื่องรววทั้งหมดจากนาง  ซึ่งได้เล่าสิ่งที่เกิดแก่ตนเองในวันนี้ให้ฟังว่า..
         "ข้าเป็นหญิงม่ายต่างเมือง  เมื่อสามีข้าตาย  ข้าจึงต้องอุ้มลูกเดินทางรอนแรมเพื่อมาตามหาญาติทีเหลืออยู่ในเมืองนี้  แต่กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลานานมาก  เงินที่ติดตัวมาก็ร่อยหรอ  ทำให้ข้าและลูกไม่มีอะไรกินมา 3 วันแล้ว"
         "ขณะที่เรายังตามหาญาติไม่เจอ และไม่มีเงินซื้อข้าวกิน  ก็เผอิญเห็นลูกชายของท่านเดินถือกล้วยหอมหวีงามผ่านมาพอดี  ลูกสาวของข้าทนความหิวไม่ไหววิ่งไปหาลูกชายท่านเพื่อจะขอกล้วยหอมกิน  แต่ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึงลูกสาวของข้าก็หมดแรงล้มลงไปเสียก่อน  ข้าจึงรีบวิ่งตามลูกไป  แล้วก็หมดแรงล้มลงเช่นกัน ลูกชายของท่านเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาช่วยพวกเรา  แล้วส่งกล้วยหอมให้เราสองแม่ลูกกินทั้งหวี  นอกจากนั้นยังหาน้ำดื่มมาให้เราด้วย  หากไม่มีลูกของท่าน  เราคงหาชีวิตไม่แล้ว  ต้องขอบคุณลูกชายท่านมากจริง ๆ"
         กล่าวจบหญิงนางนี้ก็ส่งตะกร้าให้แก่ชายผู้เป็นพ่อ  แล้วจากไป..เมื่อเปิดผ้าคลุมออกดูพบว่าในตะกร้านั้นเต็มไปด้วยกล้วยหอมหวีงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต   นอกจากนั้นยังทำให้เขาฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างที่ตนเองไมเคยคิดมาก่อน  ชายผู้เป็นพ่อรีบกลับเข้าไปในบ้านและตรงเข้าสวมกอดลูกชาย  พร้อมทั้งพร่ำรำพรรณคำขอโทษต่าง ๆ นานา  เขากล่าวแก่ลูกชายอย่างสำนึกผิดว่า...
         "ลูกรักของพ่อ  อภัยให้พ่อที่โง่เขลาคนนี้ด้วยเถิด  พ่อนั้นคิดเสมอว่า  การสวดมนต์ด้วยเสียงอันดังจะทำให้พ่อเข้าถึงแก่นพระธรรมได้  นอกจากนั้น  การบูชาพระพุทธเจ้าด้วยกล้วยหอมอยู่เสมอก็จะทำให้พ่อได้รับแต่สิ่งดีดีในชีวิต  แต่พ่อคิดฉวบฉวยเกินไป  กล้วยหอมของลูกและของพ่อนั้นต่างคุณค่ากันมาก  กล้วยหอมของพ่อมีไว้เพื่อบูชาพระพุทธรูป  แต่แท้จริงแล้วพ่อทำไปเพื่อตัวเองทั้งนั้น  แต่กล้วยหอมของลูกนั้นมีคุณค่าถึงขนาดช่วยชีวิตผู้อืนให่รอดพ้นจากความตายได้เลยทีเดียว  และพ่อคิดว่าขณะนี้พระพุทธองค์คงกำลังให้พรในความเมตตากรุณาของลูกอยู่ก็เป็นได้.."


http://www.thammasatu.net/forum/index.php?topic=14439.0