กิจกรรมจิตศึกษา
ฟังนิทาน เรื่อง "คุณค่าของกล้วยหอม"
ฟังนิทาน เรื่อง "คุณค่าของกล้วยหอม"
จากหนังสือ ด้วยรักบันดาล...นิทานสีขาว
ผู้เล่าเรื่อง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ผู้เรียบเรียง สุพัตรา แซ่ลิ้ม
ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/นั่งสมาธิ ก่อนเริ่มกิจกรรม
ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1.เกริ่นนำ....ครูอาจจะพูดถึงนิทาน หรือ เรื่องเล่าดีๆ ที่นักเรียนควรจะหาฟัง หรือ ควรจะหาอ่านเพื่อเป็นใช้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิต สร้างแรงบันดาล และ ใช้เตือนสติตัวเองอยู่เสมอ และนิทานในวันนี้ ก็เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่ ฟังแล้วจะทำให้เราได้แนวความคิดอีกหลายมุมมอง เมื่อฟังนิทานเรื่องนี้แล้วเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนะคะ
2. ครูเปิด คลิป นิทาน เรื่อง คุณค่าของกล้วยหอม จากแหล่งข้อมูลที่เตรียมไว้ให้
สามารถ ฟังและดาวน์โหลดไฟล์ได้ที่นี่ค่ะ>>> https://youtu.be/WcMIj3SSRqY
หรือ จะพิมพ์จากแหล่งข้อมูลด้านล่างให้นักเรียนได้อ่าน กันในกลุ่ม แล้วแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่ม
หรือ จะพิมพ์จากแหล่งข้อมูลด้านล่างให้นักเรียนได้อ่าน กันในกลุ่ม แล้วแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่ม
3. เห็นอะไรในนิทานเรื่องนี้บ้าง ตอนไหนที่รู้สึกประทับใจ และเรารู้สึกอย่างไร และ นิทานเรื่องนี้ ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์หรือเรื่องราวใดบ้างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา
4. เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยการให้ทุกคนได้แชร์คำตอบนั้นให้เพิื่อนๆ ฟังค่ะ
เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน
http://www.thammasatu.net/forum/index.php?topic=14439.0
------------------------------------
นิทานสีขาว เรื่อง คุณค่าของกล้วยหอม
จากหนังสือ ด้วยรักบันดาล...นิทานสีขาว
ผู้เล่าเรื่อง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ผู้เรียบเรียง สุพัตรา แซ่ลิ้ม
ณ บ้านน้อยในป่าใหญ่หลังหนึ่ง มีพ่อกับลูกชายวัยเก้าขวบที่เป็นใบ้อาศัยอยู่ด้วยกัน พ่อเป็นคนที่เคร่งครัดในศาสนามาก ผู้เป็นพ่อจึงอยากให้ลูกชายมีการปฏิบัติเช่นเดียวกับตน แต่เนื่องจากลูกชายของเขาเป็นใบ้ไม่สามารถออกเสียงสวดมนต์ได้ เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลยและรู้สึกไม่สมหวังในตัวลูกชายอยู่ลึก ๆ ...
วันหนึ่ง หลังสวดมนต์ตอนเช้าเสร็จแล้วผู้เป็นพ่อได้เรียกลูกชายให้เข้ามาในห้องพระ แล้วยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้ พร้อมกัยบอกว่า
"นี่ลูกเอ๋ย เจ้าจงนำเงินนี้ไปเลือกซื้อกล้วยหอมที่งามที่สุดมาให้พ่อสักหวีหนึ่งนะ พ่อจะนำมาทำพีธีบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตเรา.. จำไว้นะลูก ต้องเลือกหวีที่ดีที่สุดเท่านั้น และต้องกลับมาให้ทันก่อนเวลาพระอาทิตย์อยู่ตรงหัวด้วยล่ะ" ผู้เป็นพ่อกำชับ ซึ่งลูกชายก็พยักหน้ารับคำเป็นอย่างดี แล้วออกจากบ้านไป
เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายคล้อยแล้วลูกชายก็ยังไม่กลับมา ผู้เป็นพ่อรู้สึกโมโหลูกชายเป็นอันมาก หลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายก็กลับมาถึงบ้าน และทันทีที่เห็นหน้าลูกผู้เป็นพ่อตะคอกถามว่า
"มัวไปเที่ยวเล่นที่ไหนจึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้ รู้ไหม..เพราะเจ้ามาช้าพ่อจึงต้องพลาดพิธีบูชาพระพุทธเจ้าในวันนี้ไป"
และเมื่อมองไม่เห็นกล้วยหอมในมือลูกผู้เป็นลูก เขาก็รู้สึกเขารู้สึกโมโหมากขึ้นอีก
"ที่พ่อให้เงินเจ้าไปซื้อกล้วยหอม เจ้าไม่ได้ทำอย่างนั้นเรอะ อย่างนั้นก็จงเอาเงินของพ่อมาคืนเสียเดี๋ยวนี้"
แต่ลูกชายไม่มีเงินคืนให้แก่พ่อของเขา เขาส่ายหน้าและทำไม้ทำมือเพื่อจะสื่อสารอะไรบางอย่าง..
ฝ่ายพ่อนั้น แค่ได้รู้ว่าลูกไม่ได้ซื้อกล้วยหอมและไม่มีเงินกลับมาคืนก็โกรธจนขาดสติ ด้วยคิดว่าลูกเอาเงินไปซื้อขนมจนหมดสิ้น เขาจึงเงื้อไม้เรียวและกระหน่ำฟาดไปที่น่องของลูกอย่างแรง เด็กชายได้รับความเจ็บปวดมาก แต่เขาพูดไม่ได้ จึงได้แต่ส่งเสียงร้อง..ขอความเห็นใจจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งขณะนี้ไม่มีแก่ใจรับฟังเสียงเว้าวอนใด ๆ จากลูกชายทั้งสิ้น
"เพราะเจ้าไม่สวดมนต์ เจ้าจึงกลายเป็นคนเลว ลูกไม่รักดีเช่นเจ้า สู้ไม่มีเสียจะดีกว่า" ผู้เป็นพ่อว่า พร้อมกับลงไม้เรียวบนน่องของบุตรชายต่อไปอย่างไม่ยั้ง
ขณะนั้นเอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ขายผู้เป็นพ่อจึงหยุดเฆี่ยนตีลูกชาย แล้วเปิดประตูออกไปดู พบหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ แขนข้างหนึ่งของนางอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้ ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งคล้องตะกร้าใบใหญ่ที่มีผ้าคลุมปิดของที่อยู่ข้างใน
"นางมาเยือนบ้านข้าด้วยเหตุอันใดหรือ" ชายผู้เป็นพ่อถามอย่างแปลกใจ เพราะเขาไม่เคยรู้จักหญิงคนนี้และลูกสาวของเธอมาก่อน
"อย่างนั้นคงจะผิดบ้านแล้ว เพราะข้าไม่เคยรู้จักนางหรือลูกของนางมาก่อน" ชายผู้เป็นพ่อปฏิเสธ
"หากท่านเป็นบิดาของบุตรชายใบ้ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ก็เห็นจะไม่ผิดหรอก" นางตอบพร้อมกับแย้มรอยยิ้ม
ชายผู้เป็นพ่อรู้สึกพิศวงมากที่หญิงนางนี้รู้จักกับลูกชายของเขา เขาจึงสอบถามเรื่องรววทั้งหมดจากนาง ซึ่งได้เล่าสิ่งที่เกิดแก่ตนเองในวันนี้ให้ฟังว่า..
"ข้าเป็นหญิงม่ายต่างเมือง เมื่อสามีข้าตาย ข้าจึงต้องอุ้มลูกเดินทางรอนแรมเพื่อมาตามหาญาติทีเหลืออยู่ในเมืองนี้ แต่กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลานานมาก เงินที่ติดตัวมาก็ร่อยหรอ ทำให้ข้าและลูกไม่มีอะไรกินมา 3 วันแล้ว"
"ขณะที่เรายังตามหาญาติไม่เจอ และไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็เผอิญเห็นลูกชายของท่านเดินถือกล้วยหอมหวีงามผ่านมาพอดี ลูกสาวของข้าทนความหิวไม่ไหววิ่งไปหาลูกชายท่านเพื่อจะขอกล้วยหอมกิน แต่ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึงลูกสาวของข้าก็หมดแรงล้มลงไปเสียก่อน ข้าจึงรีบวิ่งตามลูกไป แล้วก็หมดแรงล้มลงเช่นกัน ลูกชายของท่านเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาช่วยพวกเรา แล้วส่งกล้วยหอมให้เราสองแม่ลูกกินทั้งหวี นอกจากนั้นยังหาน้ำดื่มมาให้เราด้วย หากไม่มีลูกของท่าน เราคงหาชีวิตไม่แล้ว ต้องขอบคุณลูกชายท่านมากจริง ๆ"
กล่าวจบหญิงนางนี้ก็ส่งตะกร้าให้แก่ชายผู้เป็นพ่อ แล้วจากไป..เมื่อเปิดผ้าคลุมออกดูพบว่าในตะกร้านั้นเต็มไปด้วยกล้วยหอมหวีงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต นอกจากนั้นยังทำให้เขาฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างที่ตนเองไมเคยคิดมาก่อน ชายผู้เป็นพ่อรีบกลับเข้าไปในบ้านและตรงเข้าสวมกอดลูกชาย พร้อมทั้งพร่ำรำพรรณคำขอโทษต่าง ๆ นานา เขากล่าวแก่ลูกชายอย่างสำนึกผิดว่า...
"ลูกรักของพ่อ อภัยให้พ่อที่โง่เขลาคนนี้ด้วยเถิด พ่อนั้นคิดเสมอว่า การสวดมนต์ด้วยเสียงอันดังจะทำให้พ่อเข้าถึงแก่นพระธรรมได้ นอกจากนั้น การบูชาพระพุทธเจ้าด้วยกล้วยหอมอยู่เสมอก็จะทำให้พ่อได้รับแต่สิ่งดีดีในชีวิต แต่พ่อคิดฉวบฉวยเกินไป กล้วยหอมของลูกและของพ่อนั้นต่างคุณค่ากันมาก กล้วยหอมของพ่อมีไว้เพื่อบูชาพระพุทธรูป แต่แท้จริงแล้วพ่อทำไปเพื่อตัวเองทั้งนั้น แต่กล้วยหอมของลูกนั้นมีคุณค่าถึงขนาดช่วยชีวิตผู้อืนให่รอดพ้นจากความตายได้เลยทีเดียว และพ่อคิดว่าขณะนี้พระพุทธองค์คงกำลังให้พรในความเมตตากรุณาของลูกอยู่ก็เป็นได้.."
http://www.thammasatu.net/forum/index.php?topic=14439.0
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น