วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง ทรงสถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์

กิจกรรมจิตศึกษา
เรื่อง ทรงสถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์











ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/นั่งสมาธิ  ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1.ครูเปิดเพลง   - ในหลวงของแผ่นดิน  https://youtu.be/UyIeFc2jEYY  หรือ


                         - ลูกขอสัญญา  https://youtu.be/cq_1lC6VBFQ?list=RDH5nGNGhvRW8
  

2. นักเรียนนั่งเป็นกลุ่ม และสมาชิกแต่ละคนจะได้รับ  "พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท ในหลวงรัชกาลที่ 9" (ที่คุณครูได้จัดเตรียมมาแล้ว) ....นักเรียนอ่านให้เพื่อนๆ สมาชิก ในกลุ่มฟังจนครบทุกคน จากนั้นสมาชิกในกลุ่มแต่ละคน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงความรู้สึกของตนหลังจากที่ได้อ่านและฟังพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท ในหลวงรัชกาลที่ 9 และเราจะน้อมเกล้าฯ น้อมนำ พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท อันทรงคุณค่ายิ่งนี้ ไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และเพื่อเป็นสิริมงคลต่อตนเองอย่างไร

เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

ฟังนิทาน เรื่อง คุณค่าของกล้วยหอม

กิจกรรมจิตศึกษา
ฟังนิทาน เรื่อง "คุณค่าของกล้วยหอม"

จากหนังสือ ด้วยรักบันดาล...นิทานสีขาว
ผู้เล่าเรื่อง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ผู้เรียบเรียง สุพัตรา แซ่ลิ้ม



ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/นั่งสมาธิ  ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1.เกริ่นนำ....ครูอาจจะพูดถึงนิทาน หรือ เรื่องเล่าดีๆ ที่นักเรียนควรจะหาฟัง หรือ ควรจะหาอ่านเพื่อเป็นใช้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิต สร้างแรงบันดาล และ ใช้เตือนสติตัวเองอยู่เสมอ    และนิทานในวันนี้ ก็เป็นนิทานเรื่องหนึ่งที่ ฟังแล้วจะทำให้เราได้แนวความคิดอีกหลายมุมมอง เมื่อฟังนิทานเรื่องนี้แล้วเราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันนะคะ

2. ครูเปิด คลิป นิทาน เรื่อง คุณค่าของกล้วยหอม  จากแหล่งข้อมูลที่เตรียมไว้ให้
 สามารถ ฟังและดาวน์โหลดไฟล์ได้ที่นี่ค่ะ>>> https://youtu.be/WcMIj3SSRqY
หรือ จะพิมพ์จากแหล่งข้อมูลด้านล่างให้นักเรียนได้อ่าน กันในกลุ่ม แล้วแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในกลุ่ม


3. เห็นอะไรในนิทานเรื่องนี้บ้าง ตอนไหนที่รู้สึกประทับใจ  และเรารู้สึกอย่างไร  และ นิทานเรื่องนี้ ทำให้เรานึกถึงเหตุการณ์หรือเรื่องราวใดบ้างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา

4. เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยการให้ทุกคนได้แชร์คำตอบนั้นให้เพิื่อนๆ ฟังค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน


------------------------------------
นิทานสีขาว เรื่อง  คุณค่าของกล้วยหอม
จากหนังสือ ด้วยรักบันดาล...นิทานสีขาว
ผู้เล่าเรื่อง ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ผู้เรียบเรียง สุพัตรา แซ่ลิ้ม



ณ บ้านน้อยในป่าใหญ่หลังหนึ่ง มีพ่อกับลูกชายวัยเก้าขวบที่เป็นใบ้อาศัยอยู่ด้วยกัน พ่อเป็นคนที่เคร่งครัดในศาสนามาก  ผู้เป็นพ่อจึงอยากให้ลูกชายมีการปฏิบัติเช่นเดียวกับตน  แต่เนื่องจากลูกชายของเขาเป็นใบ้ไม่สามารถออกเสียงสวดมนต์ได้  เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลยและรู้สึกไม่สมหวังในตัวลูกชายอยู่ลึก ๆ ...
         วันหนึ่ง หลังสวดมนต์ตอนเช้าเสร็จแล้วผู้เป็นพ่อได้เรียกลูกชายให้เข้ามาในห้องพระ แล้วยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้  พร้อมกัยบอกว่า
         "นี่ลูกเอ๋ย  เจ้าจงนำเงินนี้ไปเลือกซื้อกล้วยหอมที่งามที่สุดมาให้พ่อสักหวีหนึ่งนะ  พ่อจะนำมาทำพีธีบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตเรา.. จำไว้นะลูก  ต้องเลือกหวีที่ดีที่สุดเท่านั้น  และต้องกลับมาให้ทันก่อนเวลาพระอาทิตย์อยู่ตรงหัวด้วยล่ะ"  ผู้เป็นพ่อกำชับ  ซึ่งลูกชายก็พยักหน้ารับคำเป็นอย่างดี  แล้วออกจากบ้านไป
         เวลาผ่านไปจนกระทั่งบ่ายคล้อยแล้วลูกชายก็ยังไม่กลับมา  ผู้เป็นพ่อรู้สึกโมโหลูกชายเป็นอันมาก  หลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายก็กลับมาถึงบ้าน  และทันทีที่เห็นหน้าลูกผู้เป็นพ่อตะคอกถามว่า
         "มัวไปเที่ยวเล่นที่ไหนจึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้  รู้ไหม..เพราะเจ้ามาช้าพ่อจึงต้องพลาดพิธีบูชาพระพุทธเจ้าในวันนี้ไป"
         และเมื่อมองไม่เห็นกล้วยหอมในมือลูกผู้เป็นลูก  เขาก็รู้สึกเขารู้สึกโมโหมากขึ้นอีก
         "ที่พ่อให้เงินเจ้าไปซื้อกล้วยหอม  เจ้าไม่ได้ทำอย่างนั้นเรอะ  อย่างนั้นก็จงเอาเงินของพ่อมาคืนเสียเดี๋ยวนี้"
         แต่ลูกชายไม่มีเงินคืนให้แก่พ่อของเขา  เขาส่ายหน้าและทำไม้ทำมือเพื่อจะสื่อสารอะไรบางอย่าง..
         ฝ่ายพ่อนั้น  แค่ได้รู้ว่าลูกไม่ได้ซื้อกล้วยหอมและไม่มีเงินกลับมาคืนก็โกรธจนขาดสติ  ด้วยคิดว่าลูกเอาเงินไปซื้อขนมจนหมดสิ้น  เขาจึงเงื้อไม้เรียวและกระหน่ำฟาดไปที่น่องของลูกอย่างแรง  เด็กชายได้รับความเจ็บปวดมาก  แต่เขาพูดไม่ได้ จึงได้แต่ส่งเสียงร้อง..ขอความเห็นใจจากผู้เป็นพ่อ  ซึ่งขณะนี้ไม่มีแก่ใจรับฟังเสียงเว้าวอนใด ๆ จากลูกชายทั้งสิ้น
         "เพราะเจ้าไม่สวดมนต์  เจ้าจึงกลายเป็นคนเลว  ลูกไม่รักดีเช่นเจ้า  สู้ไม่มีเสียจะดีกว่า"  ผู้เป็นพ่อว่า  พร้อมกับลงไม้เรียวบนน่องของบุตรชายต่อไปอย่างไม่ยั้ง
         ขณะนั้นเอง  มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น  ขายผู้เป็นพ่อจึงหยุดเฆี่ยนตีลูกชาย  แล้วเปิดประตูออกไปดู  พบหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่  แขนข้างหนึ่งของนางอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้  ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งคล้องตะกร้าใบใหญ่ที่มีผ้าคลุมปิดของที่อยู่ข้างใน
         "นางมาเยือนบ้านข้าด้วยเหตุอันใดหรือ" ชายผู้เป็นพ่อถามอย่างแปลกใจ  เพราะเขาไม่เคยรู้จักหญิงคนนี้และลูกสาวของเธอมาก่อน
         "อย่างนั้นคงจะผิดบ้านแล้ว  เพราะข้าไม่เคยรู้จักนางหรือลูกของนางมาก่อน"  ชายผู้เป็นพ่อปฏิเสธ
         "หากท่านเป็นบิดาของบุตรชายใบ้ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา  ก็เห็นจะไม่ผิดหรอก"  นางตอบพร้อมกับแย้มรอยยิ้ม
         ชายผู้เป็นพ่อรู้สึกพิศวงมากที่หญิงนางนี้รู้จักกับลูกชายของเขา  เขาจึงสอบถามเรื่องรววทั้งหมดจากนาง  ซึ่งได้เล่าสิ่งที่เกิดแก่ตนเองในวันนี้ให้ฟังว่า..
         "ข้าเป็นหญิงม่ายต่างเมือง  เมื่อสามีข้าตาย  ข้าจึงต้องอุ้มลูกเดินทางรอนแรมเพื่อมาตามหาญาติทีเหลืออยู่ในเมืองนี้  แต่กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลานานมาก  เงินที่ติดตัวมาก็ร่อยหรอ  ทำให้ข้าและลูกไม่มีอะไรกินมา 3 วันแล้ว"
         "ขณะที่เรายังตามหาญาติไม่เจอ และไม่มีเงินซื้อข้าวกิน  ก็เผอิญเห็นลูกชายของท่านเดินถือกล้วยหอมหวีงามผ่านมาพอดี  ลูกสาวของข้าทนความหิวไม่ไหววิ่งไปหาลูกชายท่านเพื่อจะขอกล้วยหอมกิน  แต่ยังไม่ทันจะวิ่งไปถึงลูกสาวของข้าก็หมดแรงล้มลงไปเสียก่อน  ข้าจึงรีบวิ่งตามลูกไป  แล้วก็หมดแรงล้มลงเช่นกัน ลูกชายของท่านเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาช่วยพวกเรา  แล้วส่งกล้วยหอมให้เราสองแม่ลูกกินทั้งหวี  นอกจากนั้นยังหาน้ำดื่มมาให้เราด้วย  หากไม่มีลูกของท่าน  เราคงหาชีวิตไม่แล้ว  ต้องขอบคุณลูกชายท่านมากจริง ๆ"
         กล่าวจบหญิงนางนี้ก็ส่งตะกร้าให้แก่ชายผู้เป็นพ่อ  แล้วจากไป..เมื่อเปิดผ้าคลุมออกดูพบว่าในตะกร้านั้นเต็มไปด้วยกล้วยหอมหวีงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต   นอกจากนั้นยังทำให้เขาฉุกคิดถึงอะไรบางอย่างที่ตนเองไมเคยคิดมาก่อน  ชายผู้เป็นพ่อรีบกลับเข้าไปในบ้านและตรงเข้าสวมกอดลูกชาย  พร้อมทั้งพร่ำรำพรรณคำขอโทษต่าง ๆ นานา  เขากล่าวแก่ลูกชายอย่างสำนึกผิดว่า...
         "ลูกรักของพ่อ  อภัยให้พ่อที่โง่เขลาคนนี้ด้วยเถิด  พ่อนั้นคิดเสมอว่า  การสวดมนต์ด้วยเสียงอันดังจะทำให้พ่อเข้าถึงแก่นพระธรรมได้  นอกจากนั้น  การบูชาพระพุทธเจ้าด้วยกล้วยหอมอยู่เสมอก็จะทำให้พ่อได้รับแต่สิ่งดีดีในชีวิต  แต่พ่อคิดฉวบฉวยเกินไป  กล้วยหอมของลูกและของพ่อนั้นต่างคุณค่ากันมาก  กล้วยหอมของพ่อมีไว้เพื่อบูชาพระพุทธรูป  แต่แท้จริงแล้วพ่อทำไปเพื่อตัวเองทั้งนั้น  แต่กล้วยหอมของลูกนั้นมีคุณค่าถึงขนาดช่วยชีวิตผู้อืนให่รอดพ้นจากความตายได้เลยทีเดียว  และพ่อคิดว่าขณะนี้พระพุทธองค์คงกำลังให้พรในความเมตตากรุณาของลูกอยู่ก็เป็นได้.."


http://www.thammasatu.net/forum/index.php?topic=14439.0

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง วงกลมบ่มนิสัย

กิจกรรมจิตศึกษา เรื่อง วงกลมบ่มนิสัย




ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1. ครูให้นักเรียนดูภาพ จากสไลด์ เรื่อง วงกลมบ่มนิสัย แล้วใช้คำถามในสไลด์เป็นแนวทางเพื่อให้นักเรียน ได้นำแนวคิดของ  เรื่อง วงกลมบ่มนิสัย หากตัวเราเป็นวงกลมสีส้ม ที่รายล้อมด้วยวงกลมในสองสถาการณ์นี้ เราจะรู้สึกอย่างไร  (เป้าหมาย เพื่อการเห็นคุณค่าในตนเอง ลดการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น)









2. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หากตัวเราเป็นวงกลมสีส้ม ที่รายล้อมด้วยวงกลมในสองสถานการณ์นี้ เราจะรู้สึกอย่างไร










3. หลังจากเรียนรู้ร่วมกัน ครูกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกและความคิดเห็น นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน


วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

หากเฝ้ามองแต่สิ่งที่ขาด...เราจะมองข้ามสิ่งดีๆที่เรามี

กิจกรรม จิตศึกษา

หากเฝ้ามองแต่สิ่งที่ขาด...เราจะมองข้ามสิ่งดีๆที่เรามี





ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมอง/สมาธิให้ร่ายกายและสมองผ่อนคลาย ก่อนเริ่มกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1.ครูถามนักเรียนว่า...นักเรียนเคยได้อ่านหรือติดตามเรื่องราวของบุคคลผู้ที่มีร่างกายไม่สมบูรณ์และสามารถต่อสู้เพื่อเขาจะได้ใช้ชีวิตได้เหมือนคนอื่นๆหรือไม่??  เช่น ไม่มีแขนทั้งสองข้าง  ร่างกายมีแต่ท่อนบนไม่มีขา  เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือ ตาบอดทั้งสองข้าง แต่บุคคลที่กล่าวมานี้ ก็สามารถที่จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุข นอกจากนี้ยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลกอีกด้วย นั่นเป็นเพราะสาเหตุใด?? ...และเรื่องราวที่เราจะได้ดูวันนี้ ก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวของบุคคลที่ครูได้พูดถึงไปแล้วในข้างต้นนะคะ....เรามาดูเรื่องราวของเธอกันค่ะ...Lizzie Velasquez 


2. ครูอาจใช้วิธีการเล่า / หรือ เปิดคลิป ของ
ดาวน์โหลดคลิปจาก Lizzie Velasquez





-----------------------------------------------------------



           สาว ๆ ทั้งหลายคงใฝ่ฝันที่อยากจะมีรูปร่างดี ผอม สวย กันแทบทุกคนจริงไหมคะ แต่สำหรับ ลิซซี่ เวลาสเควซ (Lizzie Velasquez) สาวคนนี้ ความผอมได้กลายเป็นฝันร้ายให้กับเธอมาทั้งชีวิต เนื่องจากความปกติทางพันธุกรรม จากภาวะการสูญเสียไขมันทั่วร่างกาย ทำให้พลังงานที่เธอได้รับจากอาหารในแต่ละวัน ไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นไขมันหรือกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเธอผ่ายผอม แม้จะทานอาหารเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนขึ้น จนกระทั่งขณะนี้เธออายุ 27 ปีแล้ว แต่กลับมีน้ำหนักแค่ 24 กิโลกรัมเท่านั้น





           จากความผิดปกติทางร่างกายนี้เอง ทำให้เธอได้รับฉายาว่า ผู้หญิงที่หน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี แม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย แต่เธอกลับมีแนวคิดการดำเนินชีวิตที่สวยกว่าใครหลาย ๆ คนเป็นแน่แท้ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันเธอได้อุทิศตัวทำงานเป็นนักพูดเพื่อให้กำลังใจแก่ผู้คนมาเป็นเวลา 7 ปีแล้ว เพื่อให้คนรู้จักที่จะสร้างความโดดเด่นให้ออกมาจากภายใน รวมถึงการรับมือจากการข่มเหงรังแกและการเอาชนะอุปสรรค พร้อมกับเขียนหนังสือออกมา 2 เล่ม คือ Lizzie Beautiful และ Be Yourself, Be Beautiful




           โดยเธอได้เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนชั้นมัธยมปลาย เธอได้รับฉายาว่า "ผู้หญิงที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก" และมีหลายคนบอกให้เธอไปฆ่าตัวตายเสีย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอท้อใจในโชคชะตาแม้แต่น้อย เธอกล่าวว่า การถูกจ้องมองเป็นสิ่งที่เธอต้องจัดการในขณะที่ต้องออกสู่ที่สาธารณะ แต่เธอคิดว่า เธอเดินทางไปถึงจุดๆหนึ่งที่คิดได้ว่า แทนที่จะนั่งเฉย ๆ และปล่อยให้คนอื่นคอยตัดสิน เธอต้องเริ่มเดินออกไปหาคนเหล่านั้น และแนะนำตัวว่าเธอคือใคร พร้อมเสนอนามบัตรให้ และกล่าวว่า "บางทีคุณควรหยุดจ้องมองฉันและเริ่มที่จะเรียนรู้"


        เวลาสเควซ ยังกล่าวถึงความสำเร็จและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตผ่านบล็อกส่วนตัวว่า เธอเรียนรู้ที่จะอ้าแขนรับสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้เธอดูแตกต่างจากคนอื่น แทนที่จะคอยมานั่งตอบโต้ในสิ่งที่ทำให้ตนเองรู้สึกแย่ เธอตั้งเป้าหมายให้ตนเองและผลักดันไปจนถึงความสำเร็จ ถึงแม้จะมีคนที่เกลียดอยู่บ้างก็ตาม





           นอกจากนี้ เธอยังสอนเทคนิคต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ยูทูบ เช่น วิธีการรับมือกับการดูถูกดูแคลน การทำผม และการคิดบวก ซึ่งบางครั้งก็จะมีผู้ที่เข้ามาแสดงความเห็นในเชิงลบ แต่เธอก็มองว่ามันเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น แน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกเจ็บปวดบ้าง แต่คำตัดสินของคนอื่นไม่ได้หมายความว่าเธอต้องเป็นเช่นนั้น และเธอจะไม่ยอมให้คำพูดเหล่านั้นมากำหนดความเป็นตนเอง และจะไม่ยอมจมไปกับความเสียใจเด็ดขาด แต่จะแก้แค้นด้วยการมุมานะสร้างความสำเร็จให้ตนเอง ทั้งนี้ เธอดีใจที่เธอดูไม่เหมือนเหล่าเซเลบฯ ที่มีหน้าตาสวยงาม ซึ่งดูเหมือน ๆ กันไปหมด และนี่เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้าใจถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ

----------------------------------


3. เราเห็นอะไรในคลิปนี้  Lizzie ใช้สิ่งใดเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต    เรารู้สึกอย่างไรกับคลิปของ Lizzie  เราจะนำแนวคิดของ Lizzie ไปเป็นแรงบันดาลใจให้เราดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรบ้าง


4. เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยการให้ทุกคนได้เล่าให้เพิื่อนๆ ฟังค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูจะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2560

กิจกรรม "เรื่องเล่าจาก....มด"

กิจกรรมจิตศึกษา  เรื่องเล่า...จาก "มด"

จากคลิปเรื่อง Animation มด อู้งานตัวแสบ ขาดความมีวินัย

ขั้นนำ :
นักเรียนนั่งเป็นวงกลม ใช้กิจกรรม Brain Gym ปลุกสมองก่อนเริ่มกิจกรรม / นั่งสมาธิ ทำให้จิตใจสงบรู้ตัวก่อนทำกิจกรรม

ขั้นดำเนินกิจกรรม :
1.ครูถามนักเรียนให้นักเรียนได้คิดหาคำตอบจากคำถามของครู....ดังตัวอย่างต่อไปนี้....เราเคยผ่านประสบการณ์การทำงานร่วมกันเป็นทีมมาแล้ว เราได้เรียนรู้แล้วว่า งานบางงานจำเป็นต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม...เพราะหากไม่อาศัยคนหลายๆคนร่วมแรงกันก็จะทำให้งานนั้นไม่สำเร็จหรือสำเร็จแบบไม่สมบูรณ์...คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา...เราเคยเพิกเฉยกับงานที่เป็นงานส่วนรวมเพราะคิดว่านั่นไม่ใช่งานของเราหรือไม่ หรือ  เราเคยพบเจอประสบการณ์ของงานที่ขาดความสามัคคีหรือไม่ ผลที่เกิดขึ้นกับการเหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลต่อเราและทีมของเราอย่างไรบ้าง







2. ครูเปิด คลิปเรื่อง Animation มด อู้งานตัวแสบ ขาดความมีวินัย
สามารถ ดาวน์โหลดได้เอง จาก youtube :  Animation มด อู้งานตัวแสบ ขาดความมีวินัย
สามารถ ดาวน์โหลด ได้จาก Drive :  Animation มด อู้งานตัวแสบ ขาดความมีวินัย


3. มีคำถามที่เราจะถามตัวเองหลังจากเราอ่าน นิทานเรื่องนี้จบ...


   - เราเห็นอะไรจากคลิป เรื่องเล่าจาก มด นี้บ้าง     เราคิดว่า มด ที่เป็นหัวหน้างานจะมีความรู้สึกอย่างไร  เหล่ามดทุกตัวที่พร้อมใจกันทำงานจะรู้สึกอย่างไร  แล้วเรารู้สึกอย่างไรกับ คลิปเรื่องนี้  มีเหตุการณ์ใดบ้างที่เราได้พบเจอและคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในเรื่องนี้...ในโอกาสข้างหน้าเมื่อเรารู้แล้วว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ที่เป็นแบบตอนจบของเรื่องนี้ เราจะแก้ไขด้วยวิธีใดบ้าง


4. เราจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยการให้ทุกคนได้เล่าให้เพื่อนๆ ฟังค่ะ

เมื่อจบกิจกรรม ครูก็จะกล่าวขอบคุณทุกความรู้สึกของนักเรียน นักเรียนกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน